WHO IS VLOT? รู้จักโปรดิวเซอร์และดีเจดาวรุ่งจากญี่ปุ่น

VLOT (วล็อท) โปรดิวเซอร์และดีเจมากความสามารถจากโตเกียว ผู้ผลักดันคลื่นใต้น้ำของซีนดนตรีฮิปฮอปจากในญี่ปุ่นให้สั่นสะเทือนไปสู่ระดับโลก ด้วยการคอลแลปส์กับศิลปินเอเชีย ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทย เขามีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงวัฒนธรรมผ่านดนตรี ภายใต้ค่ายเพลง ‘bpm plus asia’ ที่อยากใช้สำเนียงเฉพาะตัวของแร็พเปอร์ในเอเชีย จากแรงบันดาลใจและรากเหง้าที่ไม่แตกต่างจากรากดนตรีแนวนี้เพื่อสร้างประสบการณ์ทางดนตรีที่ไม่เหมือนใคร

VLOT Japan FIIXD LEX 1Mill OFF THE HOOK "Highest in the Room“

อัลบั้มแรกของเขาชื่อว่า ‘WHO IS VLOT?’ ที่หยอกล้อความเป็นโปรดิวเซอร์มือดีที่คอยอยู่เบื้องหลังเพลงเจ๋ง ๆ มากมาย แต่อีกนัยยะหนึ่งก็เหมือนกันการเชิญชวนให้คนฟังได้สำรวจพื้นที่ของดนตรีฮิปฮอปในสไตล์ของเขา และพันธมิตรทางดนตรีของพวกเขา ซึ่งพยายามยกระดับความเทิ้นให้ไปไกลกว่ากรอบของความเป็นญี่ปุ่นของเขาเอง

ล่าสุด เขามาแจมกับ FIIXD ในงาน OFF THE HOOK “Highest in the Room“ ในฐานะดีเจและได้สัมผัสกับแฟนฮิปฮอปไทยครั้งแรก ทำให้เขาประทับใจมองว่าศิลปินไทยมีสไตล์ที่ไม่เหมือนใครจริง ๆ หลังจบงานทีมคอสมอสได้มีโอกาสคุยกับ VLOT ผ่านอีเมล์ ถึงวัฒนธรรมฮิปฮอปที่แตกต่างกันระหว่างญี่ปุ่นกับโลก อุปสรรคและความพยายาม และการมาโชว์ที่ไทยครั้งแรกที่ทำให้เขาประทับใจมาก ใน Transmission นี้

แนะนำตัวให้กับคนฟังชาวไทยที่เพิ่งรู้จักคุณหน่อย

ผมเป็นโปรดิวเซอร์และดีเจจากโตเกียวครับ

ถ้าให้พูดถึงซีนฮิปฮอปญี่ปุ่นตอนนี้มันเป็นยังไงบ้าง

ดนตรีฮิปฮอปเข้าถึงคนฟังจากทั่วโลก และซีนฮิปฮอปในญี่ปุ่นตอนนี้ก็เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ทุกปี

ค่ายเพลงของคุณ bpm plus asia มักจะทำงานคอลแลปส์ระหว่างศิลปินญี่ปุ่นกับศิลปินไทย อะไรทำให้พวกคุณสนใจในตัวแร็พเปอร์ไทย

เพลงที่ผมทำกับ LEX และ 1Mill ในปี 2022 เป็นครั้งแรกที่ผมได้ทำงานกับแร็พเปอร์ไทย หลังจากนั้นผมได้ไปเยือนประเทศไทยหลายครั้งเพื่อเข้าร่วมแคมป์สายผลิตและงานอื่น ๆ จนมีโอกาสเจอกับศิลปินหลายคน ทุกคนเป็นมิตรและทัศนคติหรือไหวพริบอันเฉียบแหลมของพวกเขาต่อดนตรีก็เป็นแรงบันดาลใจอย่างมาก

เปรียบเทียบระหว่างซีนฮิปฮอปของญี่ปุ่นกับซีนฮิปฮอปของไทย คุณรู้สึกว่ามันเหมือนหรือแตกต่างกันยังไงบ้าง

สิ่งที่ผมเห็นได้เลยคือ ผมแอบประหลาดใจที่ศิลปินไทยส่วนใหญ่ที่ผมได้พบสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี ฮิปฮอปกำเนิดขึ้นในอเมริกา และในฐานะชาวเอเชียเราต่างได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมนี้ ได้ควบรวมความชอบในวัฒนธรรมนั้น และรู้สึกถึงความรู้สึกเป็นมิตรและความเป็นเพื่อนในการแลกปลี่ยนวิถีชีวิตของเราเองในเอเชีย

ความท้าทายที่คุณต้องเจอในฐานะโปรดิวเซอร์ฮิปฮอปในญี่ปุ่นคืออะไร ถ้าเทียบกับประเทศอื่น ๆ

โตเกียวอาจจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูง แต่ผมรู้สึกว่าสตูดิโอบันทึกเสียงมีค่าเช่าที่สูงมากและมีน้อยเกินไป ถ้ามีสตูดิโอมากกว่านี้ที่สามารถเช่าได้มากขึ้น ผมคิดว่าชุมชนของศิลปินและโปรดิวเซอร์ต่าง ๆ จะมีความเคลื่อนไหวมากขึ้น และจะมีสิ่งที่น่าสนใจเกิดขึ้นมากมาย

ซีนฮิปฮอปญี่ปุ่นพัฒนาไปมากน้อยแค่ไหนตั้งแต่คุณเริ่มเข้ามาในวงการ และคุณเห็นว่ามันจะมุ่งหน้าไปทางไหนในอนาคต?

ผมทำงานในโตเกียวมาเป็นเวลานาน และผมคิดว่าซีนฮิปฮอปญี่ปุ่นตอนนี้น่าตื่นเต้นและหลากหลายที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็น และมันกำลังจะน่าตื่นเต้นขึ้นเรื่อย ๆ

คุณเพิ่งแสดงที่ OFF THE HOOK “Highest in the Room” นี่เป็นครั้งแรกที่คุณแสดงในกรุงเทพฯ หรือเปล่า? มีอะไรที่คุณประทับใจบ้าง?

นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้โชว์ดีเจในกรุงเทพฯ เลยรู้สึกกังวลเล็กน้อยว่ามันจะเป็นอย่างไร แต่สุดท้ายแล้วมันก็ผ่านไปได้อย่างสวยงาม FIIXD ได้ขอให้ผมเล่นดีเจในวันถัดไปด้วย ผมจึงได้โชว์ในวันถัดไปด้วย ซึ่งมันสนุกมาก

FIIXD เป็นแร็พเปอร์แถวหน้าในไทยด้วย การแสดงของเขาแตกต่างจากแร็พเปอร์ญี่ปุ่นไหม

ผมเพิ่งเคยเขาเป็นครั้งแรก และเราได้เข้าสตูดิโอด้วยกันในวันถัดมา และเขายังเป็นดีเจอีกด้วย ดนตรีที่เขาทำมาจากหลากหลายแนวดนตรี ผมคิดว่ามันสร้างสรรค์และเท่มาก ผมเซอร์ไพรส์นะ

ระหว่างอยู่ไทย นอกจากโชว์นี้แล้ว คุณมองหาอะไรใหม่ ๆ บ้าง

เบอร์เกอร์ไก่จากร้าน Quikie Burger เป็นของโปรดของผมนับตั้งแต่ครั้งแรกที่ผมมาไทย และครั้งนี้ผมได้กินมันสองครั้งจนพอใจมากเลย (หัวเราะ)

ตอนนี้มีศิลปินไทยที่คุณอยากคอลแลปส์ด้วยไหม

ผมเคยปล่อยเพลงกับ 1Mill หนึ่งครั้ง แต่ไม่เคยเข้าสตูดิโอกับเขาเลย ผมอยากจะมีโอกาสได้เข้าสตูดิโอกับเขาซักครั้ง

ก้าวต่อไป

ผมอยากมีโชว์ของตัวเองที่ Rolling Loud Thailand มันเป็นหนึ่งในความฝันของผมที่จะเห็นชื่อของผมในไลน์อัพนั้น

อยากฝากอะไรถึงแฟน ๆ ชาวไทยที่เพิ่งรู้จักคุณบ้าง

จากโตเกียวถึงเอเชีย และจากเอเชียสู่ระดับโลก เราจะร่วมมือกับเพื่อนจากทั่วโลกเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ดังนั้นโปรดติดตามพวกเราด้วยนะครับ

ติดตาม VLOT ได้ที่ Instagram

McKee

+ posts

ชอบไปคอนเสิร์ตเพราะเป็นกิจกรรมที่ทำคนเดียวได้ และยังชอบแนะนำวงดนตรีใหม่ ๆ ผ่านตัวอักษรตลอดเวลา