สัตว์ประหลาด และ คำในใจ : อ่านความปรารถนาของเควียร์ในภาพยนตร์และเพลงไทยนอกกระแส

by Sasikarn Sinprasit
271 views
สัตว์ประหลาด Tropical Malady เจ้ย อภิชาติพงศ์ คำในใจ Fashion Show

เมื่อ สัตว์ประหลาด ในโรคเขตร้อน (Tropical Malady) กลายเป็นพื้นที่แห่งความเงียบ ความรัก และการแปรเปลี่ยนตัวตน เพลงคำในใจ จากวง Fashion Show จึงกลายเป็นเสียงสะท้อนที่ไม่เคยได้เอื้อนเอ่ยของรักเควียร์ที่ยังไม่กล้าปรากฎตัว

“คนหนึ่งคนกับความผูกพัน กับคนอีกคนที่มีให้กัน จะนานเท่าไหร่ อยากให้เธอได้รับรู้ทุกคำจากใจ ที่มีมากกว่าคำทุกคำ…”
คำในใจ – Fashion Show

สัตว์ประหลาด Tropical Malady

สัตว์ประหลาด หรือ Tropical Malady หนัง July Prize จากเทศกาลเมืองคานส์ปี 2004 ภาพยนตร์แนว Thai Romantic Psychological กำกับภาพยนตร์โดย เจ้ย อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล เป็นภาพยนตร์เกี่ยวข้องกับเรื่องรักและการแตกหักในความสัมพันธ์ของ ‘เก่ง’ ชายทหารในเครื่องแบบที่บังเอิญพบกับ ‘โต้ง’ ชายพื้นบ้านที่ทำงานเป็นลูกจ้างโรงน้ำแข็งในเมือง เรื่องเกิดขึ้นทางแถบภาคอีสานของไทยในยุคก่อนความเจริญและการเปิดกว้างเรื่องเพศ ความสัมพันธ์รักร่วมเพศดูเหมือนจะผิดวัฒนธรรมประเพณีไปหมด แต่หนังไม่ได้ถูกสร้างมาแบบนั้น ในทางกลับกันผู้คนไม่ได้มองว่ามันเป็นสิ่งประหลาด เรื่องราวถูกดำเนินอย่างเรียบง่าย รอบตัวพวกเขาและหมู่บ้านกลับมองว่าเป็นสิ่งปกติ ไม่มีใครมองว่ามีอะไรที่ผิดแปลกไป

แต่ถ้าหากขึ้นชื่อว่าเป็นหนัง Experimental ของพี่เจ้ยแล้ว เนื้อเรื่องต้องมี Symbol ในเลเวลที่คนปกติยังไม่เก็ทหรืออะไรที่เราเข้าไม่ถึงให้พอได้สงสัยกันอยู่เพราะตัวละคร ‘โต้ง’ อยู่ ๆ ก็หายตัวไปในวันที่ทั้งคู่มีความรู้สึกลึกซึ้งให้กันอย่างท่วมท้น เรื่องความรักโรแมนติกของพวกเขากลับกลายเป็นเรื่อง Mythical ในพริบตา อ้างอิงกับนิทานพื้นบ้านหรือคติชนของไทยเรื่องสัตว์อย่างเสือสมิง โดยมี ’เก่ง’ กำลังตามล่าสัตว์ตัวนั้นท่ามกลางป่าลึกที่แทบจะไม่มีทางออก ทำให้เรานึกเคลือบแคลงใจว่าผู้ที่ถูกไล่ตามอยู่นั้นคือ ‘โต้ง’ ในอีกจักรวาลหนึ่งหรือเปล่า

เพลงประกอบที่ถูกเปิดขึ้นในหนังเกือบจะทุกช่วงคือเพลง คำในใจ ของ Fashion Show เพลงซินธ์ป๊อบเชื่องช้า ละมุนปนเศร้า หลาย ๆ คนอาจจะยังไม่รู้ว่า พี่รุ่ง ผู้ก่อตั้ง Smallroom Music เป็นคนร้องและอัดเสียงด้วยตนเอง โดยมี พี่เจ Penguin Villa ช่วย Arrange เพลงนี้ให้ออกมาสมบูรณ์ เพลงนี้ถูกนำมาใช้ประกอบหนังได้อย่างถูกที่ถูกทาง และเข้าใจในบริบทของเควียร์ได้อย่างคมคาย ยิ่งฟังแล้วยิ่งได้กลิ่นอายเหมือนเสียงจากความทรงจำ เหมือนกล่องบันทึกเทปเก่า ๆ ที่รอคนมาพบเจอ เพลงคำในใจเข้ากับความเป็นหนังเงียบไร้คำพูดที่ฉูดฉาดใด ๆ ออกมาได้อย่างลงตัว และยังเป็นหนึ่งในอัลบั้มสุดคลาสสิคในดวงใจใครหลาย ๆ คนที่เรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นแรก ๆ ของ Smallroom ในยุคนั้นเลยก็ว่าได้

แล้วถ้าหากพูดถึงเนื้อร้องของคำในใจว่ามีความหมายอย่างไร เป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างบริบทไหนบ้างของรักเควียร์ในหนังเรื่องนี้ — จากเนื้อเพลงท่อนสำคัญที่เล่าเรื่องราวของหนังได้อย่างกินใจ

“จากคำทุกคำ จดและจำตัวเธอได้ทุก ๆ อย่าง”

ท่อนนี้เปรียบเหมือนการบันทึกความทรงจำอันมีค่าของรักเควียร์ที่ไม่ได้ยิ่งใหญ่ แต่เป็นตัวแทนของเก่งและโต้ง ที่มีมุมมองว่าโลกที่พวกเขาอยู่นั้น คือ‘โลกในอุดมคติ’ ท่ามกลางเมืองที่พลุกพล่าน ทุกคนมองว่าความรักในรูปแบบของรักร่วมเพศหรือเกย์นั้นไม่ใช่สิ่งที่แปลกแยกออกจากสังคม เพราะหากสังเกตจากในเรื่อง ไม่มีคนรอบตัวมองว่ามันประหลาด คนในครอบครัวไม่ได้มองว่ามันมีอะไรที่ผิดไปจากเคย การที่คู่รักเกย์แสดงความรักต่อกันอย่างเปิดเผยกลับกลายเป็นเรื่องธรรมดา ในสังคมที่ทุกคนจะตัดสินเรื่องเพศแต่กลายเป็นว่าทั้งคู่สามารถแสดงความรู้สึกหรือความต้องการต่าง ๆ ต่อกันได้มากมาย ค่อย ๆ แทรกซึมอยู่ในชีวิตประจำวันที่ไม่ได้เอื้อนเอ่ยแบบตรง ๆ อย่างการพูดคุยแบบอ้อมค้อม ความต้องการที่สามารถตอบสนองได้ อย่างการจับมือถือแขน การจดจำสิ่งเล็ก ๆ และการวนเวียนอยู่รอบ ๆ ตัวถึงความรู้สึกที่ไม่เคยพูดมันออกมา จนเกือบจะต้องกลืนหายไปกับสิ่งที่เหนือการควบคุม

“จากใจฉัน ทุกครั้งแค่อยากจะบอกจริง ๆ ข้างในใจที่รู้สึก ถ้อยคำวิเศษค้นหาคำนึงจากวันนี้ แต่เจอคำเดิม — รักเธอ”

ในช่วงพาร์ทหลังของหนังเรารู้สึกว่าเหมือนสภาวะจิตใจของตัวละครทั้งคู่รู้สึกว่าตัวเองแปลกแยกจากสังคม หนังจึงพาเราเดินทางจากในเมืองไปสู่การอยู่ในป่าและหยิบ Folklore เสือสมิงมาเล่าเรื่องความปรารถนาในความรักของเควียร์ เพราะเสือสมิงที่เป็นตัวแทนของสัญชาติญาณป่า ทั้งความดิบ ความต้องการทางเพศ รากเหง้าของตัวตน และความยากที่จะอยู่ร่วมกับสังคมแบบ Intellectual ดำดิ่งเข้าไปในจิตใต้สำนึก เพื่อนำเสนอสิ่งที่อยู่ในใจมนุษย์  ที่ต้องใช้สมองและการหาเหตุผลในคำตอบต่าง ๆ รอบตัว จึงทำให้ตัวละครชายคนรักของเก่งเปลี่ยนจากมนุษย์เป็นเสือสมิง จากความรักที่อ่อนโยนจากอีกฝ่ายกลับกลายเป็นการแสวงหาไล่ตามในป่าลึกที่ไร้แม้แต่เสียงใด ๆ เพราะเก่งและโต้งในโลกอุดมคติของตน ไม่สามารถพูดคำว่ารักได้เต็มปาก พวกเขาจึงเดินทางในจิตใต้สำนึกเพื่อตามหาและพูดคำว่ารักต่อคนรักของเขาอย่างซื่อตรง เห็นได้จากประโยคที่สัตว์ประหลาดพูดในตอนท้ายว่า “ฉันคิดถึงเธอเหลือเกิน ฉันคือเสือของเธอ ฉันรักเธอ” นั่นคือคำพูดแทนตัวตนของโต้งเพื่อบอกกับเก่งที่กำลังตามล่าเขาอยู่นั่นเอง เพราะตอนนี้เขาคือสัตว์ประหลาดเขาจึงสามารถพูดสิ่งที่อยู่ในใจได้ นั่นก็คือคำว่ารัก ถึงจะต้องต่อสู้กับความอดทนและความเสี่ยง ที่ไม่สามารถเปลี่ยนตัวเองให้เข้ากับสังคมได้ จึงเลือกที่จะแปลกแยกจากสังคมออกไป เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเก็บซ่อนคำ ๆ นั้นไว้ในใจอีก

รักของคนหลากหลายทางเพศในหนัง Tropical Malady ไม่ได้เกิดขึ้นในสังคมที่สามารถแสดงออกได้อย่างเปิดเผย แต่มันดำรงอยู่ในพื้นที่แคบ ๆ ระหว่างแสงไฟที่ส่องสว่างในเมืองกับความมืดมิดในป่า เป็นเหมือนความสัมพันธ์ที่ไม่ได้จำกัดความ ไม่มีการเอ่ยชื่อ และไม่มีบทสรุปแบบเรื่องรักทั่ว ๆ ไปที่เราเคยเห็นในหนังกระแสหลัก เช่นเดียวกับเพลง

คำในใจ ที่ไม่ใช่แค่เพลงรัก แต่ยังสื่อถึงความหมายของเควียร์จำนวนมากที่ยังคงต้องดำรงอยู่ในรอยต่อของความฝัน ความทรงจำ และความเงียบอ้างว้างในจิตใจ

หนังของพี่เจ้ย อภิชาติพงศ์ หากดูแล้วก็แล้วแต่คนจะตีความหมายจริง ๆ แต่สำหรับเราการทำหนังเกี่ยวกับประเด็นเควียร์ในปีสองพันต้น ๆ ช่วงที่คนยังไม่ยอมรับในเพศสภาพนั้นให้มาอยู่ในสังคมที่ดูปกติ มันก็แทรกซอนผ่านความไม่ปกติในใจของผู้คนหรือจิตใต้สำนึกของตัวเราเองอยู่ดี หากลองนึกกันดูเล่น ๆ ว่าก่อนที่เราจะมีสมรสเท่าเทียมอย่างทุกวันนี้ คนรุ่นก่อนพวกเขาผ่านกันมายังไง วัฒนธรรมและประเพณี รวมถึงการใช้ชีวิตของเควียร์ในยุคปัจจุบันกับยุคก่อนคงจะต่างกันอย่างมากทางเรื่องความคิดหรือการใช้ชีวิต ด้วยสังคมในยุคก่อนก็คงไม่ได้เปิดรับเรื่องเพศได้เหมือนทุกวันนี้ หนังกระแสทางเลือก Tropical Malady และเพลง คำในใจ ก็อาจจะเป็นตัวแทนของความรู้สึกในใจใครหลาย ๆ คนได้เหมือนกัน

+ posts

Innerspeaker

Related Articles

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More

Privacy & Cookies Policy