PLUKSEK SANCTUARY คอนเสิร์ตกึ่งพิธีกรรมเซิ้งที่ให้ประสบการณ์มากกว่าคำว่าดนตรีจากคณะ FORD TRIO

by Nattha.C
83 views
PLUKSEK SANCTUARY
PLUKSEK SANCTUARY
© Soullil P. Artistry

FORD TRIO คือวงดนตรีที่ปัจจุบันพวกเขานิยามตัวเองว่าเป็น Neo-Thai Funk จากการผสมผสานเพลงไทย ฟังก์ นีโอโซลเข้าด้วยกัน ความแปลกใหม่ทางชั้นเชิงทั้งในเนื้อหาและเสียงเพลงของพวกเขา เคยผ่านการพัฒนามาหลายรูปแบบ จากเด็กจบใหม่ที่เขียนเนื้อเพลงด้วยความหวังเล็ก ๆ ว่าจะ ซื้อใจคนฟังได้บ้าง อย่างในอีพี ‘Rain Therapy’ (2019) ที่เต็มไปด้วยความเศร้าลึกซึ้งตามคอนเซ็ปต์ภาพรวม แต่จิตวิญญาณของเด็กดุ(ริยางคศิลป์) และรสนิยมทางดนตรีลึก ๆ มันบ่งบอกอะไรได้มากกว่านั้น

ในช่วงแรก พวกเขายังทำเพลงบลูส์ ป๊อปร็อก อาร์แอนด์บี ติดกลิ่นอาย Soulful จนมาถึงอัลบั้ม Self-Titled ที่วงได้เริ่มปรับการเขียนเนื้อหาและเรียบเรียงดนตรีให้มีสตอรี่มากขึ้น ก่อนจะส่งอีพี ‘OUCH!’, อัลบั้ม ‘LET THEM KIDS SEE’, อีพี ‘Khun Pra!’ ที่ทำกับสองพี่น้องศิลปินสายทดลอง Mong Tong และอีพีล่าสุดอย่าง ‘YANT’ มาให้ฟังตามลำดับ ทั้งหมดนี้ไม่มีชุดไหนที่พวกเขาทำเหมือนกันสักชุด

© Soullil P. Artistry

และแน่นอนว่าเราจะได้ฟังเพลงจากทุกผลงานในคอนเสิร์ต PLUKSEK SANCTUARY ที่เป็นการเรียกให้ทุกคนกลับมาพบปะใต้อาศรม โดยโชว์ครั้งนี้จะไม่มีวงเปิดแบบตอนปล่อยอีพีสอง เท่ากับว่าเซ็ตลิสต์ที่พวกเขาเตรียมมาคือเล่นกันยาว ๆ แบบ 1 ชั่วโมงถึงเกือบ 2 ชั่วโมงเต็ม ประกอบพื้นที่ใน-นอกเวนิวที่ทีมงานตั้งใจสร้างบรรยากาศตั้งแต่ทางขึ้น เช่น การโยงสายสิญจน์ ผ้าแดงรอบบันได รั้วกั้นเวที เปิดเพลงธีมลึกลับ จุดตั้งศาลบูชากับหม้อดินที่กดแล้วมีเสียง เสาที่แปะกระดาษเซียมซีคล้ายยันต์เป็นอักษรมอญเกี่ยวกับเนื้อเพลงจากอีพีล่าสุด

“งดเว้นการสำรวม…จงเซิ้ง” นี่คือคำประกาศบนจอโปรเจกเตอร์ถึงเหล่าลูกไก่ผู้หลงทาง ที่กำลังเข้าร่วมพิธีกรรมปลุกเสกจากฝอดตรีโอ้ และเมื่อถึงเวลาสามทุ่มเศษ สมาชิกแต่ละคนก็ทยอยเดินเรียงขึ้นเวที ก่อนจะเปิดโชว์ผ่านเสียงแอมเบียนต์ที่เร้าอารมณ์หวาดหวั่น ในนาทีแห่งความขลังนี้ วงไม่รอช้า จัดเพลง MHON LAO และ R.I.P เพื่อเปิดโสตประสาทของทุกคน พร้อมด้วย Choreography ที่มาเสริมทัพ ประหนึ่งเราอยู่ในพิธีการบวงสรวงบูชาอะไรสักอย่างจริง ๆ

PLUKSEK SANCTUARY
© Soullil P. Artistry

ถัดมาเป็นเพลงอีกเซ็ต อาทิ WARNYA, เปล่าเลย และ KON LA KON ที่เล่นต่อกับ REEBOK ซึ่งเราจะสังเกตเห็นได้ว่าการดีไซน์โชว์หรือการอะเรนจ์เริ่มต่างไปบ้างจากที่เคยได้ยินกันในออดิโอ เช่นเดียวกับ ใครฟัง และ MANGDA ที่พอถึงท่อนโซโล่ของมือแซ็กโซโฟน กลายเป็นว่ามันได้ยกระดับ โชว์ให้น่าสนใจขึ้น และการมีเครื่องดนตรีชิ้นอื่นเติมแต่งเข้ามาในเพลงต่าง ๆ เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า มันสร้างความหวือหวาได้เหมือนที่ภูชิศเป่ามือเดียว และมืออีกข้างถ่ายวิดิโอไปด้วยนี่แหละ (จนฟอร์ดแซวว่าเป่าสองมือมันธรรมดาไป!)

อีกหนึ่งสิ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ เพอร์ฟอร์แมนซ์ของวง โดยปกติ FORD TRIO มักมีจังหวะรับส่งดนตรี และช่วงเพื่อ Interact กับคนดูเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการยิงมุข การเล่าถึงเพลงบางเพลง การบิวด์ให้ทุกคนทำท่าทาง เต้นตาม ไปจนถึงการโยกเป็นคอไก่ แต่ความพิเศษของคอนเสิร์ตครั้งนี้ นอกจากจะมีโปรดักชันจาก Pluk-Sek Service ที่จับมือกับทีมไฟ วิชวล และซาวด์ประจำวงแล้ว

พวกเขายังมีพัฒนาการที่ก้าวกระโดดอย่างเห็นได้ชัด ทั้งทรานสิชันระหว่างเพลงที่ค่อนข้างลื่นไหล จนดนตรีของเพลงแรกไปเพลงสองแทบจะควบรวมเป็นหนึ่ง และไม่มีแอร์ไทม์ช่วงไหนที่เสียเปล่า แต่จะเป็นการจูนเสียงหรือพักเบรคเพื่อพูดคุยกับผู้ชมมากกว่า ถ้าเทียบกับโชว์แรกที่ทำให้เราได้รู้จักวงผ่านงานเปิดอีพี OUCH! งานนี้กลับสะท้อนให้เห็นว่าพวกเขามีของและเก่งขึ้นแค่ไหน

โดยเฉพาะ MUJINA ที่เปลี่ยนบรรยากาศสนุกสนานให้กลายเป็นช่วงชวนขนหัวลุก หนุ่ม ๆ ทั้ง 5 คน บรรเลงเพลงไปอย่างไม่ติดขัด กระทั่งช่วงสุดท้ายกลับมีเหตุการณ์ปริศนาเกิดขึ้น จู่ ๆ ซาวด์ก็กระตุกจนเพี้ยนไป ก่อนไฟดับทั้งฮอลล์ พอสิ้นสุดเสียงแปลกประหลาดลง ฟอร์ดก็ขออาสาโทรไปหาพี่แจ็คเดอะโกสต์ แต่ไหงได้พี่แจ็คกี้ Alec Orachi มาแทน เล่าเรื่องเสร็จสรรพ พวกเขา ก็ขอให้ทุกคนช่วยเปิดไฟรวมพลังแห่งแสงสว่างก่อนเข้าเพลง Ghost Story ตอกย้ำความเฮี้ยน

PLUKSEK SANCTUARY
© Soullil P. Artistry

ในช่วงครึ่งหลังโชว์ พวกเขายังคงเดินหน้าทวีคูณความกลมกล่อมและสนุกสนานให้ชาวไก่จ๋า ซึ่งมีองค์ประกอบที่เราชอบไม่แพ้ส่วนอื่นคือ การเว้นช่วงให้เครื่องดนตรีของแต่ละคนเฉิดฉาย เช่น การแจมกันของ Innoo Brothers ระหว่างกลองบองโกฝั่งน้องชาย และกลองชุดฝั่งพี่ชาย, ท่อนเดินเบสของหมอสมิทธ์ และฉากขยี้สายกีตาร์จนหน้าเหม็นของฟอร์ด ตั้งแต่  U-DO, RADUB, YMO (ยิ้มไม่ออก) จบที่ 1-100 กับท่อนร้องตะแน่แน๊แน้วสุดติดปากที่วิ่งพร้อมขบวนรถไฟของคนดู

แม้ค่ำคืนนี้ใกล้จะสิ้นสุดลง แต่เซ็ตนี้ก็ลากยาวไปอีกเกือบครึ่งชั่วโมงช่วง Encore ที่ซัดเพลง Royalty,ทิ้งเบอร์ไว้เลย และ เห้ยจารย์ ที่คนดูเครื่องติดจนต้องร้องขอเจ้าลัทธิว่า เอาอีก…เอาอีก…เอาอีก พวกเขาเลยปิดงานด้วยเพลงที่เหมาะแก่วันฝนกระหน่ำเหมือนน้ำตาที่ไหลรินอยู่ข้างในหัวใจอย่าง ฝนและฉันเท่านั้น, เธอคือใคร จนเวลาทั้งหมดได้ล่วงเลยมาที่ 5 ทุ่มเศษ ฝนก็หยุดตกทันการณ์พอดี

© Soullil P. Artistry

และอย่างที่เกริ่นกันไว้ข้างต้นว่าพวกเขามีของ ในที่นี่ไม่ได้หมายถึงเพียงวงดนตรีชื่อ FORD TRIO เรายังหมายถึงทีมงานเบื้องหลังทุกคนที่มีส่วนปลุกปั้นให้ผลงานอีพีและงานนี้เกิดขึ้นมาได้อีกด้วย เพราะการมีแสงสี โมชั่นกราฟิก วิชวล ซาวด์ดีไซน์ ไปจนถึงการตกแต่งบรรยากาศภายในงานที่ดี มันช่วยส่งเสริมวงได้จริง ๆ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม PLUKSEK SANCTUARY สำหรับเรามันไม่ใช่แค่คอนเสิร์ตธรรมดา แต่มันยังเป็นงานศิลปะที่ใกล้เคียงกับคำว่า “Immersive Experiences” ที่ครบเครื่องและน่าประทับใจทุกประการ

ถึงคอนเสิร์ตครั้งนี้วงจะไม่ได้จัดสเกลใหญ่ทางพื้นที่ที่พวกเขาเคยผ่านการเล่นหลาย ๆ โชว์มาก่อน แต่เราเชื่อว่าฝอดตรีโอ้จะได้เดินทางไปปลุกเสก และทำพิธีการฟื้นฟูให้ทุกคนกลับมาชีวิตชีวาอีกครั้ง ในระดับโกอินเตอร์แบบถึงต่างถิ่นต่างแดนอย่างแน่นอน (ก็มาดิคร้าบ)

+ posts

แบม นักเขียนน้องเล็กที่ชอบอ่านหนังสือและฟังเพลงในเวลาเดียวกัน ปัจจุบันกลับมาทำเพจ Listenist

Related Articles

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More

Privacy & Cookies Policy