
ชื่อ Prune Deer ฟังดูน่าค้นหาและชวนให้สงสัยมาก มันมีความหมายพิเศษอะไรสำหรับวงไหม
คำว่า “Prune” กับ “Deer” เป็นคำที่ต่างฝ่ายต่างมีความหมายในภาษาจีนและอังกฤษโดยไม่เกี่ยวข้องกันมาก่อน แต่เมื่อนำมารวมกันกลับเกิดเป็นชื่อที่สวยงามและมีเอกลักษณ์ ซึ่งสะท้อนถึงแนวทางดนตรีของเรา ที่ไม่ได้ยึดติดกับแนวใดแนวหนึ่ง สมาชิกแต่ละคนมีสไตล์ที่ตัวเองชอบแตกต่างกัน แต่เราพยายามหลอมรวมไอเดียเหล่านั้นเข้าด้วยกัน จนกลายเป็นเสียงที่ไม่เหมือนใคร
ดนตรีของคุณมีทั้งความละเอียดอ่อนและความซับซ้อนแบบ math rock ในเวลาเดียวกัน คุณให้สมดุลระหว่างความรู้สึกกับเทคนิคในกระบวนการแต่งเพลงอย่างไร
ช่วงแรก ๆ พวกเรามักพยายามเลียนแบบวงรุ่นใหญ่ที่ชื่นชอบ ผลงานจึงมีความชัดเจนในตัวเองอย่างเช่น “เพลงนี้เป็น math-rock” หรือ “เพลงนั้นเป็น post-rock” แต่เมื่อเวลาผ่านไป เราก็ค่อย ๆ ปลดเปลื้องจากกรอบเหล่านั้น อัลบั้ม The Parting คือภาพสะท้อนของการเปลี่ยนผ่านนี้ได้ดีที่สุด
พวกเราชอบมองว่าแต่ละเพลงคือเรื่องเล่าเพลงหนึ่ง ที่มีจังหวะจะโคนของอารมณ์ เมื่อเรียบเรียง เราจะถามตัวเองเสมอว่า “การลำดับท่อนต่าง ๆ ร้อยเรียงกันได้ดีไหม”, “สะท้อนสไตล์ของเราหรือเปล่า”, “มันผลักขอบเขตไปไกลกว่าที่เราเคยทำไหม” ด้วยวิธีคิดแบบนี้ เพลงของเราจึงมักผสมผสานกลิ่นอายของ math rock และ post rock เข้าไว้ด้วยกันในแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของเราเอง
ตั้งแต่อัลบั้มแรกจนถึง The Parting ที่ปล่อยในปี 2023 เสียงดนตรีของวงพัฒนาไปอย่างไรบ้าง ทั้งในแง่กระบวนการสร้างสรรค์และทิศทางโดยรวมของวง?
คำถามนี้เกี่ยวเนื่องกับคำถามก่อนหน้า แต่ถ้าจะพูดตรง ๆ การเปลี่ยนแปลงของเสียงดนตรีเราถูกขับเคลื่อนด้วยประสบการณ์ส่วนตัวของสมาชิกในวง และการเปลี่ยนแปลงในสังคมรอบตัวอย่างมาก Fung มือกีตาร์ของเราเคยประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อไม่กี่ปีก่อน และรอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์หลังจากเข้ารับการดูแลอย่างใกล้ชิด ตอนนี้มือขวาของเขายังอยู่ในกระบวนการผ่าตัดและทำกายภาพบำบัดอยู่
ในขณะเดียวกัน Nature สมาชิกผู้ก่อตั้งวงก็ได้เลือกเส้นทางชีวิตใหม่ โดยไปใช้ชีวิตและทำงานต่อที่แคนาดา เราก็ยังคงแต่งเพลงร่วมกันอยู่ แต่เวลาขึ้นเล่นสดที่ฮ่องกง เราจะมีเพื่อนมือกีตาร์มาช่วยเล่นแทน คำว่า “หวานอมขมกลืน” น่าจะอธิบายเส้นทางดนตรีของวงเราได้ดีที่สุด และมันก็เป็นหัวใจของดนตรีเราในตอนนี้เช่นกัน
The Parting ให้ความรู้สึกละเมียดละไมมากขึ้น คุณต้องการสื่ออารมณ์หรือแนวคิดแบบไหนผ่านอัลบั้มนี้
อัลบั้มนี้ตรงกับวาระครบรอบ 10 ปีของวง และก็เกิดขึ้นพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในชีวิตของสมาชิกสองคนที่กล่าวถึงไปแล้ว แนวคิดหลักของอัลบั้มนี้คือการสร้างผลงานที่เป็นตัวแทนของวงให้ชัดเจนที่สุด เราอยากให้เมื่อสื่อหรือผู้ฟังได้ยินเพลงจากอัลบั้มนี้เป็นครั้งแรก เขาจะรู้สึกได้ว่า นี่แหละคือเสียงของพวกเรา และเราหวังว่าอัลบั้มนี้จะยังคงมีความหมายไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน
เรายังให้ความสำคัญกับการออกแบบซีดีมากเป็นพิเศษ เช่น ในเครดิต เราใส่ชื่อของหลาย ๆ คนที่เคยสนับสนุนวง ไม่ว่าจะเป็นผู้จัดโชว์ ร้านแผ่นเสียง ครูเพลง หรือสมาชิกเก่า ๆ เราทำอัลบั้มนี้เพื่อแสดงความขอบคุณต่อทุกคนเหล่านั้น และเพื่อบอกว่า ความทุ่มเทของพวกเขาไม่สูญเปล่า เราจะยังคงแบกเอาจิตวิญญาณของพวกเขาไปกับเราต่อไป
อัลบั้มนี้ วงได้ร่วมงานกับศิลปินอื่นมากขึ้น (เช่น Haru Nemuri) ซาวด์ของคนอื่นมีผลต่อเคมีภายในวงอย่างไรบ้าง
การได้ร่วมงานกับ Haru Nemuri เป็นอะไรที่สนุกมาก พวกเรารู้จักกันตอนเล่นในงานเทศกาลดนตรีที่ไต้หวันด้วยกัน Nature มือกีตาร์ของเราชื่นชอบเธอเป็นการส่วนตัว ส่วน Shing มือกลองของเราก็พูดภาษาญี่ปุ่นได้ เลยทำให้เราได้สนิทกันเร็ว ระหว่างที่อยู่ในงาน เราก็ต่างประทับใจโชว์ของกันและกัน จนสุดท้ายก็เกิดไอเดียว่า งั้นเรามาทำเพลงร่วมกันเถอะ!
นี่ถือเป็นก้าวใหม่ของเราด้วย เพราะเสียงของ Haru มีพลังและอารมณ์แบบ emo ที่ระเบิดออกมาได้อย่างเต็มที่ เราเลยออกแบบเรียบเรียงให้มีความพลิกแพลงทางอารมณ์ เพื่อส่งเสริมพลังเสียงของเธอให้ได้มากที่สุด และเราดีใจมากที่หลายคนชอบเพลงนี้
ถ้าจะแนะนำเพลงจากอัลบั้มนี้ให้แฟน ๆ ชาวไทยฟัง เพื่อเข้าใจสไตล์ของวงได้ดีที่สุด คุณจะแนะนำเพลงไหน เพราะอะไร
เราอยากแนะนำเพลง Mountain มากที่สุด เพราะมันสะท้อนรูปแบบของซาวด์ที่เราตั้งใจสร้างได้อย่างชัดเจน และยิ่งถ้าได้ดูพร้อมกับมิวสิกวิดีโอจะยิ่งเข้าถึงอารมณ์ของเพลงมากขึ้นไปอีก
เราขอขอบคุณคุณ Hiroshi Kitashiro และคุณ Masashi Uramoto จากญี่ปุ่นสำหรับการมิกซ์และมาสเตอร์ที่ทำให้เพลงนี้มีมิติเสียงที่ชัดเจนและสมบูรณ์ จนผู้ฟังสามารถรับรู้รายละเอียดต่าง ๆ ได้อย่างเต็มอารมณ์
วงอินดี้จากฮ่องกงมักไม่ค่อยได้รับการพูดถึงในระดับสากล คุณรู้สึกว่าตัวเองมีหน้าที่หรือบทบาทในการเป็นตัวแทนของวงการนี้ในเวทีโลกหรือไม่
คำถามแบบนี้มักถูกถามจากคนในวงการดนตรีในทุกเมืองที่เราไปเยือน
ก่อนอื่น เรารู้สึกซาบซึ้งมากกับทุกแรงสนับสนุนที่ทำให้เรามีโอกาสได้แสดงในหลาย ๆ เมือง หลังจากได้เดินทางไปหลายที่ เราเชื่อว่าทุกเมืองต่างก็มีความท้าทายของตัวเอง วงการดนตรีในฮ่องกงเองก็มีศิลปินที่ส่งอิทธิพลต่อเรามากมาย เราไม่กล้าพูดว่าตัวเองเป็นตัวแทนของวงการดนตรีฮ่องกง แต่ถ้าใครรู้สึกว่าเราเป็น เราก็รู้สึกภูมิใจอย่างยิ่ง และหวังว่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้วงดนตรีอื่นในฮ่องกงกล้าทดลองและก้าวข้ามขีดจำกัดเดิม ๆ
ในฐานะวงดนตรีบรรเลงในฮ่องกง คุณรู้สึกยังไงบ้าง คนฟังในประเทศตอบรับกับแนวเพลงของคุณมากน้อยแค่ไหน หรือว่ายังเป็นแนวที่อยู่ในวงแคบ
แน่นอนว่าแนวเพลงของเรายังถือว่าอยู่ในกลุ่มเฉพาะ แต่ไม่ได้หมายความว่าฮ่องกงไม่มีผู้ฟังเลย เราเชื่อว่าขนาดของกลุ่มผู้ฟังขึ้นอยู่กับสัดส่วนประชากรของแต่ละเมืองหรือประเทศมากกว่า เพราะฉะนั้นเราจึงไม่รู้สึกว่าฮ่องกงมีคนฟังแนวนี้น้อยเป็นพิเศษ
ถ้าเป็นไปได้ เราหวังว่าประสบการณ์ของเราจะช่วยจุดประกายให้นักดนตรีรุ่นใหม่ในฮ่องกงกล้าลองทำอะไรใหม่ ๆ และเปิดรับแนวดนตรีที่หลากหลายมากขึ้น
สภาพสังคมและการเมืองในฮ่องกง โดยเฉพาะหลังปี 2019 มีอิทธิพลต่อดนตรีของคุณในทางใดบ้าง ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือโดยไม่รู้ตัว
เหตุการณ์ในช่วงเวลานั้นส่งผลต่อชีวิตของผู้คนจำนวนมาก รวมถึงบรรยากาศในสังคมโดยรวม ซึ่งแน่นอนว่าย่อมส่งผลต่อพวกเราด้วยไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
สำหรับเรา สิ่งที่ได้รับผลกระทบชัดเจนที่สุดคือการเห็นคุณค่าของ “ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์” มากขึ้น แม้เราจะยังเป็นวงที่อยู่ในช่วงเติบโต แต่เราก็รู้สึกขอบคุณกับทุกอย่างที่เรามีอยู่ในตอนนี้อย่างมาก
รู้สึกยังไงบ้างที่จะได้เจอกับแฟนเพลงชาวไทยอีกครั้ง
ทัวร์ในปี 2023 เป็นครั้งแรกที่พวกเราได้แสดงในกรุงเทพฯ และเชียงใหม่ เราได้สัมผัสกับพลังและความอบอุ่นจากผู้ชมชาวไทยอย่างแท้จริง และผู้จัดงานก็ให้การดูแลเราดีมากจนรู้สึกประทับใจ ประเทศไทยจึงเป็นตลาดที่เราสนใจและอยากพัฒนาต่อในอนาคต และเราก็ตื่นเต้นมากที่จะได้พบกับทุกคนในงานเทศกาลดนตรีเร็ว ๆ นี้!
คุณเคยไปแสดงที่โตเกียวและไทเปมาแล้ว การขยายการแสดงมาถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในตอนนี้มีความหมายอย่างไรต่อการเดินทางของวง
ฮ่องกงตั้งอยู่ในเอเชียตะวันออก ดังนั้นญี่ปุ่นและไต้หวันจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่เป็นธรรมชาติในการขยายการแสดงของเราไปยังต่างประเทศ
แน่นอนว่าเราก็เคยมีโอกาสไปแสดงที่ไกลออกไป เช่น เทศกาลดนตรีในสหราชอาณาจักร แต่เราเชื่อว่าการเติบโตอย่างมั่นคงและค่อยเป็นค่อยไป คือวิธีที่ยั่งยืนที่สุดในระยะยาว ด้วยเหตุนี้ พื้นที่ในภูมิภาคเอเชียทั้งหมดจึงมีความสำคัญมากสำหรับเรา รวมถึงประเทศไทย การได้รับเชิญให้มาร่วมเทศกาลดนตรีที่นี่จึงถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับวงของเรา
อีกสิบปีข้างหน้า คุณอยากให้คนฟังรู้สึกอย่างไรเมื่อย้อนกลับมาฟังเพลงของวง Prune Deer
วงของเราเชื่อเสมอว่า ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราจะไม่มีทางเป็นจริงได้เลยหากเราเดินเพียงลำพัง อุปสรรคที่เราผ่านมา และหมุดหมายต่าง ๆ ที่เราบรรลุได้ ล้วนเกิดขึ้นจากแรงสนับสนุนและกำลังใจจากผู้จัดโชว์ สื่อมวลชน และผู้ฟังของเรา
เรามองว่าทุกคนล้วนเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางแห่งโชคชะตา และเราหวังว่าทุกคนที่เคยช่วยเหลือเราจะรู้สึกภูมิใจ และมีความรู้สึกเป็นเจ้าของร่วมในเส้นทางนี้ ไม่ว่าเมื่อได้ยินชื่อวง หรือเมื่อได้ฟังเพลงของเราอีกครั้ง
คำถามสุดท้าย ถ้า Prune Deer สามารถฝากความรู้สึกอะไรซักอย่างไว้กับแฟน ๆ ชาวไทยหลังจบโชว์ คุณอยากให้เขารู้สึกอะไร
ตามหาความกล้าและความหวังที่จะใช้ชีวิตต่อไปให้เจอให้ได้
Loudly Prefer ประกาศอย่างเป็นทางการของงาน บางกอก Post 2025 ซึ่งกลับมาเป็นปีที่สอง โดยรวบรวมวงร็อกแถวหน้าจากซีนเอเชียและไทยมาระเบิดความมันกันในงานเดียว บอกเลยว่าเราซี๊ดปากทุกชื่อตั้งแต่เฮดไลเนอร์ยันวงไทย และ Prune Deer จะมาเจอกับทุกคนในงานนี้ด้วย
กับการเปิดประตูสู่ซีนร็อกระดับเอเชียด้วยวงดนตรีที่มีแนวทางแปลกใหม่น่าเปิดหูมาก ไม่จำเป็นต้องรู้จักทุกวง เพราะถ้าได้มาฟังยังไงก็ต้องชอบทุกวงแน่นอน ปักหมุดไว้เลย 28 มิถุนายน ที่ Mr. Fox Live House กดบัตรพร้อมกันวันเสาร์นี้ บน Ticketmelon เลย


ชอบไปคอนเสิร์ตเพราะเป็นกิจกรรมที่ทำคนเดียวได้ และยังชอบแนะนำวงดนตรีใหม่ ๆ ผ่านตัวอักษรตลอดเวลา