toe กับคอนเสิร์ตการบรรเลงถ้อยคำผ่านเสียงดนตรีที่เป็นดั่งแสงสว่างนำทาง และพลังแห่งชีวิตต่อการก้าวเดินไปข้างหน้า

by Nattha.C
93 views
toe live in Bangkok 2025

หากเราจะพูดถึงสุดยอดวงดนตรีสายร็อกบรรเลงจากประเทศญี่ปุ่น หนึ่งในนั้นต้องมีชื่อของ toe (อ่านตรงตัวว่า โท) ปรากฏอยู่ ในฐานะศิลปินกลุ่มผู้สร้างสรรค์และผสมผสานระหว่างแมทร็อกกับโพสต์ร็อก จนเกิดเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่มอบแรงบันดาลใจให้ศิลปินรุ่นถัดไป อาทิเช่น Lite, Elephant Gym และอื่น ๆ ตั้งแต่การก่อตั้งวงในปี 2000 จนถึงปัจจุบันก็วนมาบรรจบที่ 25 ปีพอดี เป็นการเดินทางร่วมสองทศวรรษของพวกเขาที่แฟนเพลงยังคงให้การตอบรับเป็นอย่างดีมาเสมอ

toe live in Bangkok 2025

แต่คอนเสิร์ตในครั้งนี้ถือเป็นการได้รับชมครั้งแรกของตัวผู้เขียนเลย หลังจากเคยได้ยินประโยคที่ บอกว่า “toe เป็นอีกหนึ่งวงดนตรีที่ต้องดูสดให้ได้สักครั้งในชีวิต”, “toe เป็นวงดนตรีที่มาอีกกี่รอบ …เราก็จะไปดูทุกรอบ” ซึ่งคำพูดเหล่านี้ไม่เกินจริงไป ด้วยผลงานเพลงและวิธีการสื่อสารผ่านการ แสดงออกที่ค่อนข้างซื่อตรง เราจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมใครหลายคนถึงได้รักวงนี้มาก ๆ โดยเฉพาะ Speech ที่วงกล่าวถึงการค้นหาในสิ่งที่ชอบหรือรักให้เจอ ก่อนพยายามลงมือทำมันอย่างต่อเนื่อง

และสมาชิกทั้งสี่คนได้ค้นพบสิ่งนั้นแล้ว นั่นก็คือการทำวง toe

พวกเขาหยิบ 13 เพลงจากอัลบั้ม For Long Tomorrow (2009), อีพี The Future Is Now (2012), อัลบั้ม HEAR YOU (2015), อีพี Our Latest Number (2018) มาเล่นสลับกับอัลบั้ม NOW I SEE THE LIGHT ผลงานชุดล่าสุดประจำปีนี้ โดยเซ็ตลิสต์เพลงจะไล่เรียงตั้งแต่ ‘LONELINESS WILL SHINE’, ‘LONG TOMORROW’, ‘風と記憶’, ‘孤独の発明’, ‘キアロスクーロ’, ‘レイテストナンバー’, ‘Because I Hear You’, ‘エソテリック’, ‘TODO Y NADA’, ‘サニーボーイ・ラプソディ’, ‘FUTURE IS NOW’, ‘NOW I SEE THE LIGHT’ และ ‘F.A.R’ ที่ใช้เวลาหยุดพักกันแค่เพียงไม่กี่ช่วง

สิ่งที่น่าประทับใจอันดับแรกคือ องค์ประกอบดนตรีที่ถูกถักร้อยอย่างละเมียดละไม พร้อมไดนามิก หนักเบาที่จะใช้การอิมโพรไวส์ระหว่างช่องว่างซะส่วนใหญ่ แต่จริง ๆ มันผ่านการคิดมาถี่ถ้วนแล้ว ประกอบคุณภาพเครื่องเสียงภายในงานซึ่งช่วยเสริมอรรถรส บวกกับไลน์แต่ละชิ้นขึ้นมาได้ชัดเจน และผู้ฟังยังสามารถรู้สึกถึงพลังได้โดยไม่จำเป็นต้องเข้าใจเนื้อหาคำร้องที่ไม่ใช่ภาษาหลักของเรา อันดับสองคือ ความเรียบง่ายที่ใช้การจัดเรียงจุดยืนของแต่ละสมาชิก คอมโพสิชั่นของแสง(โคม)ไฟ และภาพตรงหน้าที่ไร้ทั้งวิชวลโปรเจกเตอร์กับจอมือถือ น้อยนักที่ยุคนี้จะได้โฟกัสแบบเต็มตา

แต่ถ้าพูดถึงในแง่อารมณ์ที่ทำให้การแสดงสดของวงนี้มีความ “พิเศษ” ส่วนตัวผู้เขียนคิดว่ามันคือ “ความไม่สมบูรณ์แบบ” ที่วงเคยผ่านประสบการณ์การเล่นและความเข้าใจในชีวิต พวกเขาทำให้เห็นว่าเราไม่จำเป็นต้องเกมเล่นตามสูตร แค่ปล่อยตามที่ใจจะนำทางไป

ความเข้าขาของพวกเขาก็กลับสะท้อนถึงความรู้สึกของความเป็นมนุษย์ที่กลั่นกรองออกมาอย่างสุดพลัง ทั้งการขยับเขยื้อนร่างกาย และจิตใจที่ตั่งมั่นในการบรรเลงดนตรี ไม่ว่าจะเป็นเสียงร้องที่งับคำเต็มหรือไม่บ้างแต่ก็ได้ฟีลมาก ๆ ของ ฮิโรคาซุ ยามาซากิ , ความนุ่มนวลลื่นไหลของไลน์เบสจากฝั่ง ซาโตชิ ยามาเนะ, เทคนิคกลองอันจัดจ้านที่เข้ามาเติมเต็ม ในส่วนที่ขาดหาย บ้างก็โดดเด่นออกมาจนละสายตาไม่ได้ของ ทาเคชิ คาชิคูระ, ริฟฟ์และโซโล่กีตาร์ของ ทาคาอากิ มิโนะ ที่มีตั้งแต่โทนไพเราะ ไปจนถึงท่อนระเบิดเอฟเฟกต์เสียงแตกพร่าหนาหู

โดยในช่วง Encore ของโชว์ พวกเขาได้บอกลาด้วยเพลงสุดท้ายอย่าง ‘グッドバイ / Goodbye’ ที่ถ้าใครเคยฟังเพลงเวอร์ชั่นยาว 8 นาทีหรือคลิปการแสดงสดที่ได้คุณ Asako Toki มาร่วมร้อง ก็อาจจะเข้าใจความรู้สึกเราของการได้ยินเพลงนี้สด ๆ ว่ามันตื้นตันขนาดไหน แม้รอบนี้คุณอาซาโกะจะไม่ได้มาด้วย แต่มันก็เป็นการปิดจบคอนเสิร์ตได้อย่างตราตรึงที่คาดว่าจะติดในใจทุกคนไปอีกนาน

“ก่อนอื่น เราขอขอบคุณทุกคนที่มาในคืนนี้ เราดีใจมาก ๆ ที่ได้มากรุงเทพและเจอกับทุกคนอีกครั้ง เรารักเมืองนี้มาก และเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้กลับมาที่นี่อีก เป็นเวลาเกือบ 25 ปีแล้ว ตั้งแต่เราเริ่มวง ผมหวังว่าคุณจะหาสิ่งที่รักมันมาก ๆ และอยากทำมันเจอ…ไม่จำเป็นว่าสิ่งนั้นจะทำเงินให้คุณหรือไม่ ขอให้เป็นสิ่งที่คุณรักที่จะทำมันมากที่สุด อาจจะเป็นดนตรี อาจจะเป็นการวาดรูป ศิลปะต่าง ๆ หรือการทำอาหาร อะไรก็ตามที่คุณชอบ สิ่งนั้นสำหรับผมแล้วมันคือการทำวง toe

ถ้าคุณหามันเจอ เราแนะนำให้คุณทำมัน และพยายามทำมันต่อไป สิ่งดี ๆ อาจจะไม่เกิดขึ้นเสมอ แต่บางทีมันจะนำสิ่งดี ๆ มาให้คุณ…การใช้ชีวิตบางครั้งมันก็ยาก แต่ถ้าคุณมีบางอย่างที่คุณรัก มันจะช่วยทำให้คุณเผชิญหน้ากับสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตได้ และมันยังช่วยให้คุณแข็งแกร่งที่จะมีชีวิตต่อไปและสนุกกับมันได้ บางคนอาจจะเจอมันเเล้ว แต่บางคนที่ยังไม่เจอ ผมขอให้คุณเจอสิ่งที่คุณรักเร็ว ๆ นี้ มาเจอกันอีกครั้งเร็วนี้ ในสักที่บนโลกใบนี้ เราจะเฝ้ารอให้เวลานั้นมาถึง ขอบคุณครับ”

toe "NOW I SEE THE LIGHT" tour 2025 at Ambience Space, Bangkok
+ posts

แบม นักเขียนน้องเล็กที่ชอบอ่านหนังสือและฟังเพลงในเวลาเดียวกัน ปัจจุบันกลับมาทำเพจ Listenist

Related Articles

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More

Privacy & Cookies Policy