New Artist 103 : นอกจากทำเพลงแล้ว ศิลปินหน้าใหม่ ควรทำอะไรอีก?

by Widthawat Intrasungkha
551 views
ศิลปินหน้าใหม่ New Artist

ในแต่ละวันมีเพลงใหม่ถูกอัปโหลดขึ้น Spotify, YouTube, Apple Music เป็นหมื่นๆ เพลง และคุณก็เป็นแค่อีกหนึ่ง ศิลปินหน้าใหม่ ในนั้น

แต่ในโลกที่มีเพลงมากพอจะเปิดฟังได้ยันชาติหน้า ศิลปินหน้าใหม่แบบเรา ๆ จะเอาอะไรไปสู้ดี ไม่มีชื่อเสียง ไม่มีค่าย ไม่มีทีมโปรโมต โอกาสที่ใครสักคนจะ “บังเอิญ” มาเจอเพลงเรา แทบเป็นศูนย์ อินเทอร์เน็ตไม่ได้แค่เปิดโอกาสให้คนเจอเพลงเรา มันเปิดโอกาสให้ ทุกคน บนโลกนี้ปล่อยเพลงได้พร้อมกัน นั่นหมายถึงศิลปินเป็นล้าน และเพลงอีกหลายร้อยล้านกำลังแย่งชิงพื้นที่เดียวกับคุณอยู่ตลอดเวลา

ถ้าคิดว่าแค่ปล่อยเพลงแล้วรอให้มันดังเอง อาจต้องตื่นจากฝันแล้วลงมือทำอะไรสักอย่าง

ก่อนหน้านี้เราได้พูดถึงการเป็นศิลปินใน NEW ARTIST 101: การเป็นศิลปินหน้าใหม่ ทำยังไงถึงจะอยู่รอดในยุคปัจจุบัน และการหางานเล่นใน NEW ARTIST 102 : ปล่อยเพลงก็แล้ว ทำยังไงศิลปินหน้าใหม่ถึงจะมีงานเล่น? ไปแล้ว ตอนนี้เดินทางมาถึง 103 ครั้งนี้ทีมคอสมอสเลยอยากมาแชร์แนวทางสำหรับศิลปินหน้าใหม่ว่านอกจากทำเพลงแล้ว ต้องทำอะไรอีกเพื่อให้เพลงของเราเข้าถึงคนฟังที่จะชอบเพลงของเรา

ในยุคนี้ที่การแข่งขันค่อนข้างสูง บวกกับความไวของ social media ไม่อาจจะทำให้เพลงของคุณมีอายุขัยบนหน้า feed ของทุกคนได้จากเพียงแค่ post เดียว เพราะความบัดซบของ social media algorithm ที่กดขึ่ผู้ใช้งานสุดๆ เลยทำให้ทุกคนต้องขยันผลิต content เพื่อแย่งชิงพื้นที่บนหน้า feed ของกันและกัน เลยส่งผลให้หน้า feed มีแต่อะไรก็ไม่รู้ แย่งยอด reach กันสุดๆ แต่จะไม่ทำอะไรเลยก็ไม่ได้ เพราะเราอยู่บน platform ของเขาที่เป็นคนกำหนดกฏเกณฑ์ จึงส่งผลให้เกิดสงคราม content อย่างที่เราเห็นกันในทุกวันนี้

คนทำ content ทุกคน ก็อยากจะได้ความ viral พยายามผลิด tiktok หรือ reels เพื่อให้เข้าถึงทุกคนได้มากที่สุด ซึ่งก็มีทั้งคนทำได้แบบสร้างสรรค์แหวกแนวสุดๆ สร้าง trend ใหม่ขึ้นมา ผ่านการวางแผน คิดไตร่ตรองกันจนมันออกมาดีงามตามท้องเรื่อง กับคนที่ทำตาม trend ที่เป็นกระแสยอดฮิตอยู่แล้ว แต่สิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่ถูกหรือผิดอย่างใด เพียงแค่มันขึ้นอยู่กับทิศทาง direction ที่ศิลปินอยากจะไป ไม่ว่าอะไรก็ตามที่คุณทำแล้วรู้สึกไม่เขิน ไม่ขัดแย้งกับตัวเอง ถ้าสิ่งนั้นทำให้มีผลดีกับตัวเองก็อยากเชียร์ให้ทุกคนได้ทำเถอะ เพราะในสมัยนี้การปล่อยแค่เพลงออกมาแล้วหวังว่าทุกคนจะได้ยินมันก็เป็นเรื่องที่ยากมากๆ เพียงแค่ทุกคนต้องทดลองกันไปเพื่อหาหนทางที่เข้ามือกับวงมากที่สุด ยังไงมันก็ดีกว่าการไม่ทำอะไรอยู่แล้วนะ

นอกจากการแข่งขันของ content บน feed แล้ว เรายังต้องต่อสู้กับ algorithm ของ platform ต่างๆด้วย ต้องทำความเข้าใจกับมันว่าจะทำอย่างไรถึงจะเป็นผลดีที่สุดก้บการปล่อยเพลงของเรา ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง meta tagging, hashtag, search keywords, หรือแม้กระทั่ง description ก็มีส่วนช่วยให้ AI ของ platform ช่วยจัด category ของผลงานเราได้ดียิ่งขึ้นด้วยนะ รู้ว่า AI ฉลาดขึ้นมากๆ แต่มันไม่ได้ฉลาดไปซะทุกเรื่อง เรายังคงต้องป้อนคำสั่ง prompt ที่ถูกต้องเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ต้องการ ฉะนั้นเราควรใส่ข้อมูลให้ถูกต้องด้วย เพื่อที่จะได้เพิ่มโอกาสการถูกค้นเจอมากยิ่งขึ้น

@slowjoyslowjoy

Artist homies don’t worry about trying to be cool worry about being warm. I don’t want “fans” I want a community of homies

♬ original sound – Slow Joy

แม้ลำพังการเป็นศิลปินทำเพลงอย่างเดียวก็ลำบากมากพอแล้ว ในยุคนี้ศิลปินยังต้องมีความเป็น content creator ในตัวอีกด้วย ต้องพยายาม feed content ลง reel / tiktok เพื่อให้เพลงของตัวเองได้ไปอยู่บนหน้า feed ของผู้ฟังด้วยความหวังว่า content ของตัวเองจะ go viral และพาเพลงที่ทำออกมาให้ viral ไปด้วย …

แม้จะไม่ได้เห็นด้วยเต็ม 100 แต่ก็ต้องยอมรับว่า สิ่งเหล่านี้มันกลายเป็น norm ในยุคนี้ที่ทุกคนจะต้องโปรโมตเพลงด้วย content ต่างๆ เพื่อแย่งชิงพื้นที่ให้เพลงของตัวเอง ในความไม่เห็นด้วย เราก็เห็นข้อดีของการทำสิ่งนี้ซึ่งก็คือการที่เราได้ engage กับเหล่าแฟนเพลงของเรามากยิ่งขึ้น ความรู้สึก connect กันได้ของคนดูและศิลปินเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ และใช้เวลากว่าจะสร้างขึ้นมาได้ การที่เราจะได้แฟนเพลงสักคนนึงก็เป็นเรื่องที่ยากมากพออยู่แล้ว ฉะนั้นการทำที่ทำ content บ่อยๆ ก็ทำให้เรามีโอกาสถูกมองเห็นมากขึ้นและหวังว่าจะ turn จากคนฟังเป็นแฟนเพลง เพียงแต่เราจะต้องมองว่า content ที่เรากำลังจะทำคืออะไร และทำไปเพื่ออะไร มันไม่ได้จำเป็นที่จะต้องทำทุกอย่างไปตาม viral trend ที่กำลังฮิตอยู่ เราเพียงแต่ต้องเลือกนำเสนอความเป็นตัวเองด้วยวิธีการที่เหมาะสม ซึ่งอาจจะไม่ได้ถูกต้องสำหรับทุกคน แต่ต้องถูกใจตัวตนของศิลปินก่อนอื่น เพราะอะไรที่มันดูฝืนเกินไป ก็ไม่ใช่สิ่งที่ดี แต่การที่ไม่ทำอะไรเลยก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีเช่นกัน

ในฐานะแฟน เรารู้สึกชอบมากๆที่ได้เห็นศิลปินอัพเดทอะไรสักอย่าง เราอยากติดตามว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ ไม่ใช่เพียงแค่โปสเตอร์งานที่กำลังจะไปเล่น บางทีมันก็เลี่ยนเกินไป

แนะนำ content pillar ที่ศิลปินควรจะมี

  • Poster / Tour updates : อัพเดทงานประจำเดือน หรือ งานที่กำลังจะไปเล่น
  • Casual / Lifestyle : โพสทั่วไปเกี่ยวกับชีวิตประจำวันของวง อาจจะเป็นตอนซ้อม หรือ รูปที่ไป hangout ด้วยกัน
  • New Music Release : ปล่อยเพลงใหม่
  • Merch : สินค้าใหม่
  • Live Photo : รูปตอนเล่นสดเท่ๆ
  • AMA; Ask Me Anything : พูดคุยกับแฟนเพลงผ่านการ ask บน IG Story หรือ live สดบนช่องทางต่างๆ

ใน 1 สัปดาห์เราไม่จำเป็นต้องโพสถี่ทุกวันก็ได้ เพียงแต่เราควรจะมีอัพเดทเรื่อยๆ ให้แฟนเพลงรู้สึกว่าเราไม่ได้ห่างหายไป content แต่ละอัน ก็ไม่ได้จำเป็นที่จะต้องลงทุก platform เราอาจจะอยาก keep direction ของ IG ให้ clean แต่ไป flood บน Facebook กับ Tiktok แทนก็ทำได้ ทุก content ที่โพสไป มันก็ช่วยให้เพจของเราเติบโตขึ้นไปทีละนิด ยังไงก็ดีกว่าปล่อยให้ร้างและไม่ทำอะไร


CONTENT PLANNING EXAMPLES

แน่นอนว่าเวลาที่เรามีงานเล่น เราก็อยากให้คนมาดูเราเยอะๆ แต่ถ้าหากเราไม่ทำอะไรเพื่อโปรโมตงานเลยมันก็คงจะไม่ส่งผลดีต่องานที่เราเล่นใช่มั้ยละ

ตัวอย่าง content plan สำหรับการโปรโมตงานเล่น
  • Poster: นอกจากโพส poster ของงานแล้วเรายังสามารถทำได้อีกหลายอย่างเพื่อช่วยโปรโมตงาน แต่สิ่งที่ต้องคำนึงไว้ด้วยคือ การมี CTA (call to action) ไปที่ตัวงานด้วย ไม่ว่าจะเป็นการบอกให้คนไปซื้อบัตรได้ที่เว็บนุ่นนี้ หรือ บอกรายละเอียดเกี่บวกับงานที่เกิดขึ้น ล้วนเป็น CTA ที่ควรจะมีเพื่อส่ง traffic ไปที่งานที่เรากำลังจะเล่น
  • Live Photo: คือ รูปเล่นสดที่เราเคยมี พอมีงานเล่นเราก็ควรจะรีดทุกสิ่งทุกอย่างออกจากงานๆนึงทั้งภาพนิ่งและวีดีโอ การมี asset เหล่านี้จะทำให้เราสามารถเก็บมาใช้เป็น content ลง feed เพจ ในวันที่เรายังไม่ได้สร้าง content ใหม่ๆ อย่างน้อยก็สามารถเอารูปที่ไม่เคยโพสมาปล่อยในวันที่ต้องการเลี้ยง content ได้ แต่อย่าลืมแปะ CTA ใน caption ด้วยนะ
  • Song: เพลงที่เราปล่อยไปแล้วก็สามารถที่จะนำมาโพสเพื่อเลี้ยง feed ได้เช่นกัน
  • BTS (Behind the Scene): ไม่ว่าจะเป็นรูปถ่ายระหว่างเข้าห้องอัด หรือ รูปรวมวงที่ถ่ายเล่นๆ แบบ casual ก็นำมาเลี้ยง feed ได้ หมั่นขยันถ่ายรูปเล่นกันไว้ จะได้มี internet asset เยอะๆ
  • Promo Clip: ไม่ว่าจะเป็นแบบ official ของงาน หรือ ถ่ายเชิญชวนกันเอง ก็เป็นสิ่งที่ทำได้เพื่อ draw คนมาซื้อบัตรให้ได้มากที่สุด ไม่ว่ามันจะเป็น vdo จริงจัง หรือ เชิญชวนกันเล่นๆ ล้วนสามารถส่งผลลัพธ์ไปที่ยอดบัตรได้ทั้งนั้น
  • Schedule: คำถามยอดฮิตที่ผู้จัดมักจะเจอ คือ “ศิลปินนี้เล่นกี่โมงคะ” นอกจากเราต้องรู้ตารางเวลาของตัวเองแล้วเราควรบอกคนดูให้รู้ว่าจะสามารถเจอกับเราบนเวทีได้กี่โมง คนที่ตั้งใจจะมาดูจะได้รีบมารอหน้าเวที แต่ทางที่ดีก็ชวนให้คนดูได้ดูวงอื่นๆด้วยเช่นกันก็ดีนะ Come for the opening acts & stay for the headliners!
  • Live Recap: หลังจากเล่นเสร็จ ก็ควรมีหลักฐานยืนยันว่าเราได้เล่นงานจริงๆ ฉะนั้นรูปภาพหลังจบงานก็จะเป็น content ชั้นดีให้เราเก็บไว้งานต่อได้ อย่าลืมคิดเสมอว่า เราควรจะรีด asset ทุกอย่างจากทุกกิจกรรมที่เราทำเพื่อให้เรามีอะไรมาเล่นได้เรื่อยๆ

มีเพลงแล้วปล่อยเลยละกัน … ก็ได้นะ แต่จะดีกว่าไหมถ้าเราวางแผนการปล่อยเพื่อเพิ่มโอกาสการรับรู้ของเราเอง

ตัวอย่าง content plan สำหรับการปล่อยเพลง
  • Teaser: อาจจะเริ่มด้วย vdo teaser เพลง 20 วิ เพื่อให้คนรู้สึกตื่นเต้นอยากฟังเพลงใหม่ของเราเร็วๆนี้
  • Profile Photo: ปล่อยเพลงใหม่ทั้งที ก็อาจจะมีรูปโปรไฟล์เท่ๆใหม่สักรูป โดยอาจจะมี theme ให้ตรงกับ mood & tone ของเพลงใหม่ที่กำลังจะปล่อย อย่าลืมว่าควรจะคิดว่า CTA คืออะไรด้วยนะ
  • Pre-Save: เราสามารถวางแผนล่วงหน้ากับ distributor และล็อควันที่ปล่อยเพลงของเราได้ และเปิด feature ให้คนฟังสามารถมากด pre-save จะได้รับการแจ้งเตือนในวันที่เราปล่อยเพลง ซึ่งส่วนนี้ก็สามารถที่จะเก็บ stat เพื่อวิเคราะห์ต่อได้นะ
  • Cover Photo: สามารถใช้แบบเดียวกับ profile picture ก็ได้ หรือจะขึ้นเป็น banner ของเพลงใหม่โดยเฉพาะก็ได้เช่นกัน ยังไงก็อย่าลืมที่จะมี CTA นิดๆหน่อยๆ ไม่ว่าจะบนรูปหรือใน caption นะ
  • Reminder: อันนี้ทำง่ายๆก็ได้ อาจจะเป็นแค่ text หรือรูปง่ายๆ ที่ย้ำบอกถึงเรื่อง pre-save หรือ วันที่จะปล่อยเพลง
  • Release Date: ในวันนี้จะเป็นวันที่เรา blast content เกี่ยวกับเพลงใหม่ของเราบนทุกช่องทางที่ทำได้ ให้เตรียม content ไว้สำหรับทุก platform ไม่ว่าจะเป็นรูป วีดีโอ สตอรี่ และลงให้พร้อมกันทุกช่องทางเพื่อหวังผลสูงสุด
  • PR News: หลังจากที่เราปล่อยเพลงไปแล้ว อย่าลืมที่จะเตรียมเขียนข่าว PR เพื่อที่จะส่งให้สื่อดนตรีต่างๆช่วยลงเพื่อโปรโมตเพลงของเรา โดยเราสามารถส่งตั้งแต่วัน Release Date และคอยแชร์ content ที่เพจต่างๆช่วยเขียนให้
  • BTS (Behind the Scene): อาจจะเป็นรูปจากในห้องอัด หรือ บรรยากาศระหว่างทำเพลง เพื่อให้แฟนเพลงได้เห็นอิริยาบถที่แตกต่างกันออกไป สร้างความอินกับเพลงมากขึ้น และก็อย่าลืมที่จะแปะ CTA ไปฟังเพลงด้วยนะ
  • Skits: ตรงนี้อาจจะเป็นได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น tiktok หรือ reel สั้นๆเกี่ยวกับเพลงของตัวเอง อาจจะเต้น cover (?) หรือ อะไรก็ได้ ขอแค่ทำในสิ่งที่รู้สึกว่าจะ represent ทิศทางของเพลงที่ตัวเองอยากจะ present ออกมา

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ตัวอย่างของการวาง content เพื่อให้คุณได้รู้ว่า มันมีอะไรหลายอย่างที่เราสามารถทำได้จากการมีงานเล่น หรือ การปล่อยเพลง ถึงแม้มันอาจจะเป็นเรื่องที่เราไม่ถนัด แต่ก็ไม่มีใครที่ทำทุกอย่างแล้วเก่งตั้งแต่แรก สิ่งที่ทุกคนควรทำคือฝึกฝนและทำมันไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเข้ามือและหาทิศทางที่เข้ากับ branding ของคุณมากที่สุด


ก็จริง … จะไม่ทำก็ได้ ไม่ใช่เรื่องที่ผิดอะไร แต่ถ้าเราสามารถวางแผนตลอดทั้งปีได้ว่า เรากำลังจะมีกิจกรรมอะไรบ้าง มันก็ยิ่งทำให้เราสามารถกำหนดทิศทางของตัววงได้ว่าจะออกมาเป็นยังไง ว่าแต่ road map คืออะไรนะ?

Road Map คือ แผนหรือกลยุทธที่จะทำให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ เราควรที่กำหนดว่าเป้าหมายของเราคืออะไร อาจจะเริ่มจาก milestone เล็กๆ และค่อยๆขยายฝันให้ใหญ่ขึ้นตามศักยภาพที่เรามี

อาจจะเริ่มจากการกำหนดคร่าวๆก่อนว่า ช่วงไหนที่เราจะทำเพลง ช่วงไหนจะเข้าห้องอัด และ ช่วงไหนจะปล่อยเพลง และค่อยมาเจาะเพิ่มว่าระหว่างนั้นจะต้องทำอะไรบ้าง โดยในแต่ละช่วงก็จะมีรายละเอียดแตกต่างกันไป โดยเฉพาะช่วงการปล่อยเพลง เราควรจะโฟกัสว่า ก่อนปล่อยเพลงเราต้องเตรียม material อะไรบ้างนอกเหนือจากตัวเพลง เช่น มี content เลี้ยงให้คนรับรู้ว่าเรากำลังจะปล่อยเพลงนะ และหลังจากปล่อยเพลงก็อาจจะมี content เพื่อโปรโมตเพลงด้วยวิธีอะไรได้บ้าง ไม่ว่าจะเป็นการส่งข่าวไปตามสื่อดนตรีต่างๆ หรือ จัดงานปล่อย single ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งที่เราสามารถกำหนดและทดลองวิธีการได้ เอาไว้ในรอบหน้าจะพยายามาเล่าแบบละเอียดๆให้ฟังละกัน แต่เริ่มจากการต้องรู้ก่อนเรากำลังจะมีกิจกรรมอะไรให้ทำบ้างในปีนี้ set milestone ไว้ให้กับตัวเองก่อนแล้วค่อยๆ fill in the details สำหรับ milestone นั้นๆจากการวางแผนร่วมกันในวง อาจจะต้องพบเจออุปสรรคระหว่างทางบ้าง แต่นั้นก็คือประสบการณ์ที่จะสร้างความเข้มแข็งให้กับเราเมื่อเราฝ่าฟันมันไปได้


ปัญหาอย่างหนึ่งที่ทีมงาน The COSMOS มักพบเจอเวลาเราเขียนแนะนำศิลปินหน้าใหม่คือ …. เพจ Facebook ของเขา “ไม่มี custom URL” ซึ่งจะทำให้คนอื่น tag ติดยากมากๆ โดยเพจ facebook ที่สร้างขึ้นมาใหม่ แล้ว url เป็นแบบ facebook.com/profile.php?id=9999999999 (ตัวเลขสมมุติ) ซึ่งทุกคนควรจะตั้ง custom URL ให้ unique เพื่อให้การค้นหาง่ายยิ่งขึ้น ไม่จำเป็นต้องเป็นชื่อวงเป๊ะๆ แต่ควรจะจำได้ง่าย และควรจะใช้ custom URL เดียวกันให้เหมือนกันทั้ง IG และ FB

ตัวอย่างของการตั้ง URL ที่ดี ✅
ตัวอย่างของการไม่ตั้ง URL ❌

นอกจากนั้นการตั้งชื่อ username ของ profile ที่เป็นใช้ generic keyword ที่มีอยู่ทั่วไปอย่าง apple, cat, dog, แล้วมันซ้ำกับชาวบ้านแน่ๆ ทำให้ search ยังไงก็หาไม่เจอ! เวลาเราเข้าไปทำ research ใน Instagram profile นั้นๆ บางทีเราก็ไม่แน่ใจว่าอันนี้เป็นของวงจริงๆหรือเปล่า เพราะชื่อมันซ้ำกันกับอีกเพจนึง แถมไม่ได้อัพโหลด content อะไรใน IG เลย ยิ่งยากเข้าไปใหญ่… เหมือนต้องเล่นเกมเสี่ยงทายว่า เพจนี้ไหมนะ หรือ อันนี้รึเปล่านะ บางทีมันก็ยากเกินไป… ช่วยมี content ให้เรารู้หน่อยว่าคุณคือใคร ใช่เพจวงที่เรากำลังตามหาอยู่หรือเปล่า

พอเป็น generic keyword มันจะดูยากว่าอันไหนคือวง ฉะนั้นเราควรจะต้องใส่รูป profile ให้ชัดเจน เพื่อให้แฟนเพลงสามารถค้นเจอได้ง่ายขึ้น

ฉะนั้นเวลาที่จะตั้งชื่อวง หรือ ตั้ง social media profile ของวง ควรจะคิดเรื่องการ search ของคนอื่นว่า จะต้องพิมพ์ keyword อะไรเข้าไปเพื่อให้ค้นหาชื่อศิลปินของเราได้ง่ายขึ้น บางคนอาจจะแค่เติม “official” เข้าไป หรือ “bkk” เพื่อให้รู้ว่าอยู่โซนประเทศไหน ก็ทำได้เช่นกัน ซึ่งสิ่งเล็กๆเหล่านี้เป็นทริคสำคัญที่ทำให้เพิ่มโอกาสการถูกค้นเจอจากคนอื่นได้ และลดเวลาการทำงานของทีม The COSMOS ในการแท็กชื่อวงพวกคุณใน content ของเราด้วย!!


ในเมื่อวงเองก็มีสมาชิกหลายคน การที่เราแบ่งหน้าที่ซึ่งกันและกันก็จะเป็นเรื่องที่ควรจะตกลงกันให้ดี เพื่อไม่ให้มีใครคนใดคนหนึ่งในวงต้องทำงานหนักเกินไป เพราะการทำวงก็ไม่ได้มีแค่เรื่องของการทำเพลง มันยังมีอีกหลายอย่างที่จะต้องทำ

  • การติดต่อดีลงานจ้าง/งานเล่น – คนที่รับหน้าที่นี้จะดูแลเรื่องรายละเอียดของงานแต่ละงาน ไม่ว่าจะเป็นการเจรจาค่าตัว หรือ ดีเทลต่างๆของแต่ละงาน พอสามารถหากำหนดการทุกอย่างได้แล้วก็ต้องเริ่มวางแผนว่า เราควรจะต้องซ้อมกันช่วงไหนบ้าง หาคิวทุกคนและสร้างความลงตัวให้ทุกคนสามารถมาซ้อมกันได้ และเตรียมตัวสำหรับการเล่นโชว์ในครั้งนั้นๆ
  • การคุยกับ distributor เพื่อลงเพลง/โปรโมตเพลง – งานหลังบ้านที่อาจจะไม่ค่อยมีคนรู้ แต่การจะลงเพลงผ่าน DSP (digital streaming platform) นั้นจำเป็นต้องผ่านบริษัทตัวแทน distributor ที่จะทำการลงเพลงให้กับเราบนช่องทางต่างๆ ซึ่งมีรายละเอียดยิบย่อยค่อนข้างมาก ทั้งการเซ็นสัญญาส่วนแบ่งรายได้ หรือ ค่าธรรมเนียมรายปี (ขึ้นอยู่กับ distributor platform ที่เราเลือกใช้) โดยทาง distributor เองก็มีหน้าที่ในการผลักดันเพลงของเราให้ขึ้นอยู่บน shelf ที่เหมาะสมสำหรับแนวเพลงของเรา แต่อาจจะต้องทำความเข้าใจให้เยอะๆว่า เรากำลังแก่งแย่งพื้นที่เหล่านี้กับใคร และ distributor เจ้าไหนที่น่าจะเหมาะสมกับการลงเพลงให้กับเรา ทั้งหมดนี้ล้วนอยู่ที่การพูดคุยตกลงกันก่อนเซ็นสัญญา
  • การดูแล social media ช่องทางต่าง ๆ – การทำ content บนเพจ ก็จำเป็นมาก ๆ คน ๆนี้สามารถเป็น voice ของวงในการประชาสัมพันธ์ต่างๆ รวมทั้งการพูดคุยกับแฟนเพลงเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆเช่นกัน ไม่ว่าจะผ่านการตอบคอมเม้นท์ หรือ feed content ใหม่ๆ ตามความจำเป็น อีกทั้งการติดต่องานหลายๆครั้งก็เกิดจากการทัก DM ของเพจวง เพราะเห็นสิ่งที่วงโพสจึงเกิดเป็นการดีลงานกันในขั้นตอนต่อไป
  • การขาย merch – แหล่งรายได้ที่สำคัญก็คือการขาย merch ซึ่งนอกจากการขายของหลังบ้านที่ต้องคอยรับ order ลงข้อมูลจัดส่งต่างๆ และยังมีเรื่องของการดีล supplier เพื่อผลิต merch และการ manage stock ของสินค้าทั้งหมดที่มี การลงบัญชีรายรับรายจ่าย และการสรุปผลกำไร ซึ่งในช่วงแรกของการทำวงอาจจะไม่ได้มีรายได้ค่าตัวที่สูงมากนักเท่าไหร่ การทำ merch ไปขายจึงเป็นหนทางที่สามารถทำเงินให้กับเราได้ และหากทำได้ดีมันอาจจะกลายเป็นท่อน้ำเลี้ยงหลักของวงได้เลย
  • การทำเพลง – คงเป็นสิ่งที่สนุกที่สุดที่ทุกคนก็อยากจะมีส่วนร่วม ซึ่งก็ต้องคุยกันให้ดีๆว่าจะทำงานร่วมกันยังไง เพื่อให้ผลงานเพลงออกมาในแบบที่วงต้องการ ไม่ว่าจะมีคนทำเพลงหลัก หรือ ร่วมกันขึ้นเพลงด้วยกัน มันมีหลายวิธีการมากๆ แต่การพูดคุยทำความเข้าใจให้ตรงกันคือสิ่งที่สำคัญที่สุด

การทำวงที่ดี ทุกคนควรจะมีส่วนร่วมในการทำหน้าที่ในวง บางหน้าที่มันอาจจะไม่สนุกเท่ากับการทำเพลง แต่โดยรายละเอียดมันก็มีความสำคัญมาก ๆ ต่อการดำเนินกิจการของวง ถ้าหากต้องมีใครคนใดคนนึงต้องรับภาระหน้าที่มากเกินไปในขณะที่คนอื่นในวงไม่ต้องปวดหัวเลย ก็เป็นเรื่องที่น่าคิดว่าคนที่แบกทุกอย่างอยู่จะรู้สึกยังไง หน้าที่ทุกอย่างแม้จะไม่เคยทำแต่มันสามารถเรียนรู้กันได้ ไม่ได้มีใครที่เกิดมาแล้วเก่งทุกอย่าง และไม่ได้แปลว่าคนที่รู้ดีที่สุดในวงจะต้องแบกภาระทั้งหมดเช่นกัน


ไม่มี connection ไม่รู้จักใครเลย ทำยังไงดี? คำตอบก็คือ ต้องออกไปพบปะผู้คนบ้างนะ เวลามีงานคนอื่นเล่นก็ซื้อบัตรไปดูเขาคือการสนับสนุนขั้นพื้นฐานที่ทำได้ง่ายที่สุด ไม่จำเป็นต้องรอไปงาน networking ใหญ่ๆ เท่านั้น ถ้าได้เจอหน้าเจอตา หาจังหวะพูดคุยเล็กน้อย ก็เป็นการเริ่มสร้าง connection ที่ล้ำค่าในอนาคตได้ การที่เรามีกลุ่มก้อนเพื่อนศิลปินแนวทางใกล้เคียงกันมันสามารถสร้าง community ให้เกิดการแลกเปลี่ยนแฟนเพลงขึ้นมา

ความสัมพันธ์แบบสนับสนุนซึ่งกันและกันมันเป็นความรู้สึกที่ organic และน่ารักแบบสัมผัสได้ แต่ไม่ควรต้องรอให้ใครเป็นคนเริ่มก่อน เราสามารถเริ่มได้ที่ตัวเองเลยว่าอยากจะเข้าไปพบเจอใคร ก็ซื้อบัตรไปดูงานของคนนั้นได้เลย อย่าลืมเค้นพลังานโหมด extrovert ของคุณออกมาและพุ่งเข้าหาเป้าหมายของคุณด้วยประโยคสุดฮิต “ชอบเพลงของวงคุณมากเลยครับ” และให้บทสนทนามันพาไป

ถ้าหากคุณได้มีโอกาสเจอผู้จัดคอนเสิร์ตก็สามารถเข้าไปแนะนำตัวเองได้ แต่ทางที่ดีอาจจะต้องอ่านบรรยากาศ ณ ตอนนั้นว่ามันเหมาะที่จะขายงานของตัวเองหรือเปล่า มีประโยคนึงที่พี่พายเคยพูด “Friendship comes first, business comes after” ซึ่งก็สามารถใช้ได้ในหลายๆกรณี (แต่ไม่ได้หมายถึงทุกกรณี) โดยเฉพาะกับการทำความรู้จักกับคนใหม่ๆ แต่ไม่ควรที่จะเข้าหากันเพื่อหวังผลธุรกิจเพียงอย่างเดียว ความสัมพันธ์มัน both sides นะ ต่างฝ่ายต้องสามารถให้ benefit ซึ่งกันและกันได้ มันถึงจะทำงานร่วมกันได้ ไม่ใช่แค่คิดจะ take เพียงอย่างเดียว เราต้องสามารถ give ได้ด้วย

connection เหล่านี้มันใช้เวลาสร้างและต้องหมั่นรักษาไว้ให้ดี เราเชื่อว่าทุกคนไม่ได้หวง connection หรอก เพียงแต่การ่ที่จะให้ contact กับใครไป เราต้องมั่นใจก่อนว่า เรากำลังส่งสิ่งที่ดีไปให้ contact ของเรา ไม่ได้ส่งคนที่อาจจะไปสร้างความปวดหัวให้กับ connection ที่สำคัญของเรา เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนมาก ฉะนั้นต้องระมังระวังไว้ให้ดี


ในยุคที่เพลงดีอย่างเดียวไม่พอ คุณต้องมีความเข้าใจในแพลตฟอร์ม วางแผนคอนเทนต์ รู้จักเล่าเรื่องของตัวเอง รู้จักสร้างทีม แบ่งหน้าที่ และมองวงตัวเองเหมือนธุรกิจขนาดย่อมที่ต้องเติบโต ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพื่อให้คุณหมดสนุกกับการเป็นศิลปิน แต่เพื่อต่อยอดไปสู่สิ่งที่ทุกคนตั้งใจทำ คือมีคนเห็น มีคนฟังฟัง และเชื่อมโยงกับเพลงของคุณได้จริงๆ

ทุกข้อในบทความนี้ไม่ได้บอกว่าคุณ “ต้องทำ” ทุกอย่าง แต่อยากให้คุณเลือกสิ่งที่เหมาะกับตัวเอง แล้วทำให้มันต่อเนื่อง เพราะความสำเร็จในโลกดนตรีไม่ใช่เรื่องของความฟลุคอีกต่อไป แต่มันคือผลลัพธ์ของการลงมือทำซ้ำอย่างมีแผน มีใจ และมีเป้าหมาย

เราเชื่อว่าศิลปินทุกคนมีสิ่งพิเศษในตัว และมันจะไม่มีใครได้เห็น ถ้าคุณไม่ช่วยพาตัวเองไปอยู่ตรงหน้าคนฟัง หลายวงที่มีชื่อเสียงมาจนถึงจุดนี้ เชื่อเถอะว่า ทุกวงล้วนทำงานอย่างหนักมาทั้งสิ้นไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

เริ่มวันนี้เลย ไม่ต้องรอให้พร้อม 100% เพราะวงดนตรีที่ลงมือทำอะไรบางอย่าง ย่อมมีโอกาสมากกว่าวงที่รอให้เพลงมันดังของมันเอง

+ posts

นานๆทีจะเขียน

Related Articles

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More

Privacy & Cookies Policy