ในภูมิภาคที่ดนตรีกระแสหลักมักจะกลบเสียงของผู้คนที่อยู่ชายขอบของซีนเสมอ Baybeats Festival 2025 ยังคงยืนหยัดเป็นหมุดหมายสำคัญว่าดนตรีอินดี้ยังคงเบ่งบานได้เสมอ เมื่อมีพื้นที่ที่เหมาะสมให้มันได้หายใจ ปีนี้จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 30 ตุลาคม ถึง 2 พฤศจิกายน ที่ Esplanade, Theatres on the Bay แล้วยังได้พิสูจน์อีกครั้งว่าซีนดนตรีทางเลือกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ได้แค่ยังมีอยู่ แต่กำลังเติบโต ขยายตัว และเชื่อมผู้คนเข้าหากันผ่านพลังงานและอารมณ์ร่วมที่แตกต่าง
Baybeats ไม่ได้เป็นแค่เทศกาลดนตรี แต่เหมือนเป็นเสาหลักทางดนตรีเอเชีย เป็นจุดนัดพบของคนที่รักเสียงเพลงที่แตกต่าง เป็นเหมือนสิ่งมีชีวิตที่เติบโตไปพร้อมกับผู้คน และปีนี้ก็ยืนยันอีกครั้งว่าทำไมมันถึงยังเป็นหนึ่งในเวทีที่คนรักดนตรีนอกกระแส ดนตรีทดลอง และดนตรีใต้ดินทั่วเอเชียยังคงติดตามกันเสมอ

เทศกาลสำหรับทุกคนที่สร้างขึ้นจากการค้นหาและความหลากหลาย
เมื่อได้เดินเข้าไปในงาน Baybeats คุณจะเห็นสิ่งที่หาได้ยากในงานดนตรีทั่วๆไป สิ่งที่พบคือ ผู้คนที่ไม่ได้ถูกจำกัดด้วยแนวเพลงหรือซีนดนตรีแค่เพียงแนวเดียว ผู้คนต่างชนชั้นสังคม เด็กมัธยมในเสื้อวงตัวแรก พนักงานออฟฟิศที่รีบมาให้ทันดูวงที่เขาชอบหลังเลิกงาน ครอบครัวที่อยากลองฟังเพลงใหม่ ๆ แฟนเพลงสายเควียร์ที่ได้เฉลิมฉลองอิสระของพื้นที่นั้น แม้แต่ลุงป้าที่เดินผ่านมา ยังอดไม่ไหวต้องหยุดดูวงแปลก ๆ เท่ ๆ บนเวที
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นผ่านการคัดสรรศิลปินของ Baybeats ด้วยความหลากหลาย และเจตนารมณ์ที่ชัดเจน ตั้งแต่ shoegaze, punk, hip-hop, experimental, math-rock, post-rock, metal, indie-pop, noise และอีกสารพัดแนว ที่รับประกันว่าคุณจะได้ค้นพบบางอย่างใหม่ ๆ เสมอ และอาจได้เจอวงโปรดวงถัดไปของตัวเองอย่างแน่นอน
ปีนี้เทศกาลยังขยายโฟกัสมากขึ้น ดึงศิลปินจากไทย ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ อาร์เจนตินา และอีกหลายประเทศ ขณะเดียวกันก็ยังยึดโยงกับซีนดนตรีท้องถิ่นของสิงคโปร์ได้อย่างเข้มแข็ง
และปีนี้เป็นปีแรกของหลาย ๆ ปีต่อจากนี้ที่ Baybeats เปิดตัวครบ 5 เวที:
• ARENA – เวทีริมแม่น้ำที่ DBS Foundation Outdoor Theatre
• ANNEXE – เวทีอินดอร์ขนาดย่อมที่ Annexe Studio
• POWERHOUSE² – โรงละครอินดอร์แบบมีที่นั่งพร้อมแอร์เย็นฉ่ำ ที่ Singtel Waterfront Theatre
• LIVEWIRE STAGE – เวทีกลางแจ้งขนาดใหญ่สำหรับสายร็อก ที่ Forecourt Garden
• CHILLOUT STAGE – เวทีกึ่งอะคูสติก อยู่ติดกับ Livewire แต่เป็นอินดอร์ติดแอร์ ที่ Esplanade Concourse

ไฮไลต์ส่วนตัวจาก Baybeats 2025
ในฐานะคนที่โตมากับยุค Myspace และค่อย ๆ ค้นพบว่านักดนตรีสิงคโปร์เก่งกันแค่ไหน ไลน์อัพปีนี้มันเลยโดนใจเป็นพิเศษ แต่ละวงที่ได้ดูทิ้งความรู้สึกประทับใจไว้ไม่เหมือนกันเลย และนี่คือลิสต์ศิลปินที่ทำให้ผมประทับใจที่สุดในงาน:
- A Vacant Affair (SG) พวกเขากลับมาอย่างโดดเด่นเหมือนไม่เคยหายไปไหน เซตลิสต์นี้พาผมย้อนกลับไปวัยรุ่นแบบเต็ม ๆ post-hardcore ที่ทั้งหนักแน่นและเต็มไปด้วยพลังเหมือนยุคที่พวกเขายังเป็นแรงบันดาลใจให้แฟนเพลงสิงคโปร์
- Alec Orachi (TH) พลังวัยรุ่นที่เอ่อล้นไปทั้งเวที โชว์ของเขามีเอกลักษณ์จนโดดเด่นมากบนเวทีนี้
- ALI (ID) แดนซ์กระจายแน่นอน ALI เปลี่ยนลานกลางแจ้งให้เป็นงานรื่นรมย์ ฟังก์และกรูฟจากแนวเพลงหลากหลายถูกผสมเข้ากันจนคนดูโยกตัวตามแบบห้ามใจไม่ได้

- Alliance of Hate (SG) เซ็ตนี้พลังล้นมาก สาดอารมณ์เต็ม ๆ และดึงคนดูเข้าไปอยู่ในจังหวะเดือด ๆ แบบไม่ให้พัก
- Anechois (SG) ดนตรีที่ทั้งลุ่มลึกและมีชั้นเชิง พวกเขาคือหนึ่งในแสงสว่างของซีนอินดี้สิงคโปร์เสมอ ทำให้ย้อนกลับไปนึกถึงยุคที่ได้ค้นพบเพลงเท่ๆบน soundcloud อีกครั้ง
- Blanco Teta (AR) บินตรงจากอาร์เจนตินา เซต noise-rock ที่ทั้งโกลาหล ฉูดฉาด และเต็มสิบในเรื่องของพลังอันล้นเหลือ จำกัดความวงได้เลยว่า “ยิ่งดังยิ่งปัง” เสียดายที่มีเก้าอี้คอยกันไม่ให้คนกระโดดกันเละ

- Carsick Cars (CN) กลิ่นอาย alternative 90s แบบถึงใจ noise-pop ผสาน post-punk และ indie rock หนึ่งในวงโปรดส่วนตัว เซตนี้เหมือนพาเรากลับไปยุคเพลงร็อกที่เราโหยหา
- Chicosci (PH) ตำนานยุค Myspace กับความ alt-rock จากฟิลิปปินส์ที่มันทำงานได้ดีเหลือเชื่อบนเวทีสิงคโปร์ เหมือนยุคที่เพลงร็อกในระแวก SEA มีความหวังและความเป็นตัวเอง
- Dirgahayu (MY) หนึ่งในวง instrumental ที่ดีที่สุดของภูมิภาคนี้ ความแม่นใน math-rock ผสานไลน์จังหวะสุด progressive ที่โชว์คุณภาพของซีนนี้แบบไม่ต้องอธิบายเพิ่ม
- Fayzz (CN) ละมุน เนี้ยบ และงดงาม math-rock ที่บรรเลงอย่างตั้งใจทุกตัวโน้ต

- Flesh Juicer (TW) นี่เป็นครั้งที่สามแล้ว แต่โชว์ของพวกเขาก็ยังลุกโชนสำหรับเราเหมือนเดิม metalcore ไต้หวันที่ถ่ายทอดพลังบนเวทีได้อย่างดุดัน เป็นวงที่สร้าง circle pit ได้ทุกโชว์แน่นอน
- Ford Trio (TH) Neo Thai funk ที่ทำให้ฟังก์ไปได้ไกลกว่าที่คิด โชว์ของพวกเขามีแต่เซอร์ไพรส์จนคอผมนี่แทบล็อกเพราะโยกเยอะเกิน
- haldi honey (SG) เควียร์ math rock จากโปรแกรม Budding Bands ที่มีความสดใหม่ กล้าหาญ และมีดนตรีที่หวานติดหู เป็นตัวแทนของวงร็อกรุ่นใหม่ได้จริง ๆ

- JPBS (TH) ประสบการณ์ที่ audio ไม่สามารถทดแทนได้ โชว์ของพวกเขาคือศิลปะทดลองผสานการแสดงแบบหลุดกรอบ ดีใจมากที่ได้เห็นพวกเขาเฉิดฉายในเวทีนานาชาติอย่างที่คู่ควร
- Lemony (TH) พลัง indie-rock จากไทยที่จุดอารมณ์คนดูให้เดือดดาล จังหวะสนุกและความวัยรุ่นที่อัดแน่นบนเวที
- motifs (SG) จาก Budding Bands สู่ shoegaze ขวัญใจมหาชน คนดูแน่นมาก เป็นต้นแบบที่งดงามของโปรแกรมบ่มเพาะศิลปิน เห็นแฟนวิ่งมาขอลายเซ็นหลังจบก็น่ารักมาก

- mouse on the keys (JP) มหัศจรรย์จริง ๆ การผสม jazz, math-rock, classical และ post-rock ที่ซับซ้อนเหนือจินตนาการ
- NYPD (HK) post-punk ดิบเถื่อนและหนักแน่น ทุกองค์ประกอบของดนตรีนี้ถูกโยนขึ้นเวทีพร้อมพลังทำลายล้างที่ทำให้เซตนี้โคตรมัน
- ONE CLICK STRAIGHT (PH) ตัวแทนยุคใหม่ alt-pop ผสมซินธ์และพลังอินดี้โมเดิร์น ผู้บุกเบิกทิศทางใหม่ ๆ ของเพลงฟิลิปปินส์ ดีใจมากที่ได้ดูโชว์ของพวกเขา เราเคยเลือกรางวัล อัลบั้มต่างประเทศยอดเยี่ยมปี 2023 ให้กับพวกเขา
- paranoid void (JP) ทรีโอหญิงสาย math-rock จากญี่ปุ่นที่ระเบิดเวทีด้วยริฟฟ์จัดจ้านและความแม่นยำที่น่าตื่นเต้น

- pines (SG) emo revival ที่ถูกต้อง เซตนี้ทำให้ผมได้ย้อนเวลากลับไปช่วงวัยรุ่นอย่างสุดใจ
- Plainsunset (SG) ตำนาน pop-punk เหมือนได้ย้อนกลับไปตอนยุค Myspace อีกครั้ง ชอบมากตอนเห็นพ่อแม่สายอีโมอุ้มลูกดูไปด้วย
- Silica Gel (KR) สุดยอดจริง ๆ experimental pop ที่ทั้งลึก เนี้ยบ และดึงดูดแบบละสายตาไม่ได้เลย
- temp. (TH) สบาย ๆ อบอุ่น เป็นกันเอง เพลงที่ทำให้คนยิ้มตามได้ง่าย ๆ ดนตรีที่ซื่อตรงและเยียวยาจิตใจคนฟัง
- TOFU (TH) พลังวัยรุ่นที่โปรยปรายเสน่ห์ไว้เต็มเวที ดึงดูดความสนใจคนดูวัยเด็กและวัยรุ่นได้ทันที อนาคตสดใสแน่นอน
- toconoma (JP) ฝีมือระดับเทพ ผสม jazz, funk, electronic อย่างลื่นไหล โชว์แบบนี้เตือนเราว่าทำไมการไปคอนเสิร์ตถึงสำคัญ
- weish (SG) โคตรดี ไม่มีคำอื่น เธอคุมเวทีด้วยเสียงร้องและพลังอารมณ์ที่ทำให้เวทีนั้นทรงพลังสุด ๆ ผมอึ้งจริง ๆ

ปีนี้ไลน์อัพโคตรดี จนผมเดินวันละกว่า 12,000 ก้าวตลอดสุดสัปดาห์เพื่อไปทุกเวที ขาแทบพังแต่ใจก็ยังอยากดูต่อทุกวง เลยฝืนลุยต่อด้วยความกระหาย
มากกว่าเวทีดนตรี เพราะ Baybeats คือระบบนิเวศทางดนตรีทั้งระบบ
นอกเหนือจากโชว์ดนตรี Baybeats ยังมีงานเสวนาที่ลงลึกเรื่องการทัวร์ การสร้างคอมมูนิตี้ดนตรี และมุมมองของเทศกาลดนตรีที่กำลังเปลี่ยนไป สิ่งเหล่านี้สำคัญมาก เพราะมันเปิดโลกให้ผู้ชมเห็นกลไกเบื้องหลังดนตรี และให้ความรู้ที่คนทำงานรุ่นใหม่เพื่อเติบโตในวงการนี้ต่อไป

นี่แหละคือสิ่งที่ทำให้ Baybeats แตกต่างจากเทศกาลส่วนใหญ่ในภูมิภาคนี้ มันไม่ได้เฉลิมฉลองแค่ตัวศิลปิน แต่โอบรับและสนับสนุนคนทั้งระบบที่ทำให้ดนตรีเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าคุณจะเป็น mentor ของวงหน้าใหม่ เอเจนต์ที่มองหาโอกาส ศิลปินที่กำลังสร้างคอนเนกชันในโซนสูบบุหรี่ หรือทีมงานที่ทุ่มเททำให้งานราบรื่น ผมได้มีบทสนทนาดี ๆ หลายครั้งที่จุดประกายให้รู้สึกว่าอยากเชื่อมภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้ใกล้กันมากขึ้น เหมือนที่ Baybeats ทำมาตลอดหลายปี
โปรแกรม Budding Bands ยังคงเป็นหัวใจของแนวคิดนี้ ศิลปินโลคัลหลายชื่อที่ยิ่งใหญ่ในวันนี้ ต่างเคยเป็นพี่เลี้ยงศิลปินในโปรแกรมนี้มาก่อน และการได้เห็นพวกเขากลับมาเป็นเฮดไลเนอร์ มันคือผลลัพธ์แบบระยะยาวที่หลายซีนทำได้แค่ฝันถึงเท่านั้น
บทสนทนาสำคัญในเสวนาของ Baybeats 2025
ในขณะที่เวทียังคงเดือดพล่าน Baybeats 2025 ก็กันพื้นที่ส่วนหนึ่งไว้ให้กับสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน นั่นคือการสนทนาแบบตรงไปตรงมาเกี่ยวกับวงการดนตรี ปีนี้ถือเป็นหนึ่งในครั้งที่เสวนามีมุมมองก้าวหน้าที่สุด เทศกาลได้รวมศิลปิน ผู้จัดงาน Booking Agency และโปรโมเตอร์เทศกาลจากทั่วภูมิภาคมานั่งคุยเกี่ยวกับความจริงเบื้องหลังสิ่งที่เราเห็นบนเวที

แทนที่จะเป็นแค่คำปลุกใจแบบผิวเผิน การเสวนาเหล่านี้เจาะลึกไปถึงสิ่งที่จำเป็นจริง ๆ ในการสร้างอาชีพสร้างสรรค์ที่ยั่งยืนในยุคนี้ หัวข้อสำคัญของปีนี้คือ:
- Independent on the Move: Touring without a Backing (การทัวร์ฉายเดี่ยว: ศิลปินจะทำทัวร์โดยไม่มีนายทุนยังไงดี)
- Evolving Audiences: The Changing Landscape of Festival Culture (คนดูที่เปลี่ยนไป ทำให้เฟสติวัลเปลี่ยนแปลงไปทางไหน?)
- Breaking the Mold: How Asia is Redefining the Global Landscape (การทุบกรอบเดิม ๆ ให้ดนตรีเอเชียแทรกซึมสู่เวทีโลก)
- Growing Spaces and Building Creative Communities (วิธีการสร้างพื้นที่ทางดนตรีหรือคอมมูนิตี้สร้างสรรค์ยังไงให้ยั่งยืน)




สิ่งที่ทำให้เสวนาเหล่านี้ทรงคุณค่าไม่ใช่แค่ความเชี่ยวชาญของผู้พูด แต่คือความจริงใจของคนในอุตสาหกรรมที่แชร์ปัญหากันแบบหมดเปลือก ตั้งแต่ความเหนื่อยล้าที่คนทั่วไปไม่เห็น ไปจนถึงแรงกดดันทางอารมณ์ เหล่าผู้มีประสบการณ์ในวงการแชร์ความจริงของการจองคิว การคัดวง ยอดขายที่ตกลง และพฤติกรรมผู้ชมที่เปลี่ยนไป เจ้าของสถานที่เองก็บอกเล่าเหตุผลว่าทำไมคอมมูนิตี้ DIY ถึงจำเป็นต่อการผลักดันศิลปินท้องถิ่น
สำหรับศิลปินหน้าใหม่และคนทำงานสร้างสรรค์รุ่นใหม่ การเสวนาเหล่านี้คือบทเรียนล้ำค่าที่แทบหาไม่ได้จากคลิป YouTube หรือโพสต์ในโซเชียล
และที่สำคัญที่สุด เสวนาทั้งหมดตอกย้ำแนวคิดหลักของ Baybeats ว่า ซีนดนตรีไม่ได้ถูกขับเคลื่อนแค่โดยศิลปินดัง ๆ แต่ยังต้องอาศัยคนทำงานเบื้องหลังที่มีความรู้ เข้าใจ และพร้อมผลักดันให้ซีนเติบโตไปด้วยกัน
ข้อดีของโครงสร้างวัฒนธรรมที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ
ทุกคนรู้กันดีว่า Esplanade ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาล แต่สิ่งสำคัญจริง ๆ คือ เขาใช้เงินนั้นอย่างไรมากกว่า แทนที่จะโปรโมตแต่โปรแกรมที่ปลอดภัยและขายได้ง่ายๆ แต่ Baybeats กล้าที่จะให้โอกาสกับอะไรใหม่ๆ กล้าจัดงานดนตรีที่เป็นแนวเฉพาะทาง กล้าลงทุนกับศิลปินหน้าใหม่ เปิดให้เข้าฟรี และสร้างความต่อเนื่องแบบปีต่อปีที่ทำให้ศิลปินอินดี้มีอนาคตให้เดินต่อ
วัฒนธรรมที่รัฐสนับสนุน ถ้าทำถูกวิธี มันจะกลายเป็นแรงผลัก ไม่ใช่กำแพง Baybeats คือหลักฐานชัด ๆ เลยว่ามันเป็นไปได้
ลองนึกภาพเทศกาลดนตรีนอกกระแสที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐแบบ Baybeats เกิดขึ้นในไทย… ฟังดูเหมือนฝันลม ๆ แล้ง ๆ ถึงแม้ช่วงที่ผ่านมาเราจะเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นบ้าง แต่เรายังห่างไกลจากจุดนั้นมาก จนกว่าจะมีรัฐบาลที่มั่นคงและใส่ใจเรื่องดนตรีกับศิลปะจริง ๆ

กลุ่มคอมมูนิตี้ที่ทำให้เห็นว่า “มันเป็นไปได้”
สิ่งที่ผมรักที่สุดเกี่ยวกับ Baybeats คือความเป็นหนึ่งเดียวของทุกคนตลอดสุดสัปดาห์นี้ ตั้งแต่ศิลปิน ทีมงาน ช่างเสียง ตากล้อง คนตัดต่อวิดีโอ ไปจนถึงผู้ชม ทุกคนกลายเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ที่ปลอดภัย เปิดกว้าง และเต็มไปด้วยความหลงใหลอย่างแท้จริง
และใช่.. ดนตรีกระแสหลักยังคงครองพื้นที่บนคลื่นวิทยุเสมอ แต่ Baybeats เตือนเราว่าเมื่อเราจับมือกันและสร้างบางอย่างร่วมกัน เราสามารถสร้างคลื่นลูกใหญ่พอให้โลกหันมามองได้ และคลื่นของปีที่สิงคโปร์นี้ก็แรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา


นานๆทีจะเขียน
