‘3.45 x 4.9 x 2.55’ AUTTA Album Listening Session

by Montipa Virojpan
1.7K views
3.45 x 4.9 x 2.55 AUTTA

เมื่อคืนนี้ที่โรงภาพยนตร์ที่ 8 SF World Cinema ค่าย YUPP! ได้จัดงาน album listening session สำหรับอัลบั้มเต็มชุดแรกในชีวิตของ AUTTA ที่ชื่อ ‘3.45 x 4.9 x 2.55’ ซึ่งหลายคนคงสงสัยว่าเราต้องอ่านออกเสียงว่าอะไร หรือตัวเลขเหล่านี้เป็นสูตรคำนวณของอะไร เราจะได้ไปหาคำตอบนั้นไปพร้อม ๆ กันในงานนี้ 

3.45 x 4.9 x 2.55

15 สิงหาคม 2566

ทีแรกเราคิดว่างานนี้จะเป็น listening session เปิดเพลงไล่ไปทั้งอัลบั้มแล้วเรานั่งฟังตามปกติ แต่พอมาจัดที่โรงหนังแล้วเราคิดว่าจะต้องมีความพิเศษอยู่แน่ ๆ ซึ่งเราก็ได้ค้นพบไม่นานว่างานนี้จะมีการฉาย visualizer ในที่นี้ก็คือภาพยนตร์สั้น ๆ หลายตอนที่ตีความทั้ง 11 แทร็คจากอัลบั้ม ‘3.45 x 4.9 x 2.55’ ของ AUTTA ออกมาเป็นภาพ ซึ่งผู้กำกับก็คือ จั๊ก—จิรัฏฐ์ สมภักดี ที่ก่อนหน้านี้ก็ได้ฝากผลงานไว้ในเพลง ‘สุดท้ายแล้วเราจะ’ มาแล้ว นอกจากนี้ในงานก็จะเปิดโอกาสให้ผู้ร่วมชมได้ถามตอบกับศิลปิน และมีไลฟ์อะคูสติกเพลงในอัลบั้มกันด้วย เวลาใกล้ทุ่มครึ่ง เรามารับบัตรที่ด้านหน้าโรงหนังตามที่ทีมงาน YUPP! แจ้งไว้ก่อนหน้าเพราะเวลาสองทุ่มตรงภาพยนตร์จะเริ่มฉาย ตอนใกล้เวลาเราก็เดินมามองหาที่นั่ง H22 แล้วทิ้งตัวลงไปพร้อมรับแรงกระแทกจากบทเพลงสุดทรงพลังที่ทำงานกับใครหลายคนมานักต่อนัก 

‘3.45 x 4.9 x 2.55’ AUTTA Album Listening Session Q&A

ไฟหรี่ลงตอนเวลาสองทุ่มตรง เสียงทุ้มของอัปไรต์เบสเริ่มบรรเลงประสานไปกับเสียงเปียโนและเครื่องเป่า ภาพบนจอเริ่มเคลื่อนไหวถ่ายทอดให้เห็นบรรยากาศวังเวงในอพาร์ตเมนต์ กล้องค่อย ๆ เคลื่อนเข้าไปที่ประตูปรากฏเป็นเลข 704 ตอนนั้นเรานึกว่าเขาจะอ้างอิงถึงเพลงดังของ Dajim ก็เลยหรี่ตาลงนิดเพราะปกติไม่กล้าดูหนังผี แต่อันที่จริงมันคือเลขห้องที่หอของเขาสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ไม่ได้ตั้งใจขอเลขเอาขลัง แต่ดันบังเอิญได้ห้องนี้เอง โฟลวพรั่งพรูเล่าเรื่องชีวิต ทั้งความอัดอั้น ก่นด่าเรื่องไม่เป็นใจ และการเรียนรู้ที่จะก้าวข้ามอุปสรรคต่าง ๆ มาได้ด้วยตัวเองตลอดสี่ปีของการเป็นนักศึกษาคณะดนตรี เพลงนี้เป็นเพลงที่เขาใช้เสียงถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้สุดลิ่มทิ่มประตูมาก ยิ่งดนตรีแจ๊สที่เล่นเป็นพื้นหลังก็ขยี้บดหัวใจของเราจนยับเยินขณะที่ฟัง เป็น prologue เข้าสู่ตารางเมตรชีวิตของ AUTTA ได้อย่างบีบคั้นและทำเอาเราลุ้นไปด้วยว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป

/ในช่วง Q&A กรเล่าว่าเพลงนี้มีกิมมิกเกี่ยวกับเลข ‘704’ เต็มไปหมด เริ่มจากมิวสิกวิดิโอจะปล่อยในเวลา 7.04 PM เพลงนี้อยู่บน time signature 7/4 ความยาวห้อง 74 bar ความยาวเพลง 4.07 นาที polyrhythm 7:4 และมีท่อนที่พูดถึง Stan Getz ผู้เป็นมือแซ็กโซโฟนสายแจ๊ส ที่เคยเอาเพลงชื่อ ‘Seven Steps to Heaven’ มาเล่น ซึ่ง AUTTA ก็ได้ฮัมเมโลดี้ของเพลงที่มีเลข 7 นี้เข้าไปใน ‘704’ ด้วย

บีตกลองเท่กับเปียโนนุ่ม ๆ เล่นไปพร้อม ๆ กับภาพคนเดินไปบนรถไฟพร้อมสายวัดในเพลงที่สอง เสียงโทรศัพท์ของเพื่อนดังขึ้นตามเรื่องที่เล่าในเพลง ‘ทางรถไฟกับวัยเซ่อ’ ลวดของเครื่องดนตรีเสียงทุ้มแข็งกร้าวประสานขึ้นมาขัดกับบรรยากาศในช่วงเช้ามืดที่เขากำลังเมามายเดินไปตามทางรถไฟกับเพื่อน จากนั้นเราก็สะดุ้งด้วยท่อนร้องเสียงสูงในฮุกปลุกเราจากภวังค์ที่กำลังตั้งใจฟังเรื่องที่เขาเล่า… เรานึกขึ้นมาแว้บนึงว่า ‘โว้ยยยยยย โคตรเท่’ ที่ชอบมากคือท่อนคอรัสมันดูได้ออกเดินไปเรื่อย ๆ แบบไม่มีจุดหมาย ประกบด้วยท่อนประสานที่เอามารีเวิร์สเสียงหนา ๆ ก่อนจะกลับไปตั้งใจฟังเรื่องราวราวสุดเซอร์เรียลตามประสาเซ็ตติ้งชานเมืองยามวิกาล ซึ่ง AUTTA เล่าสิ่งที่เกิดขึ้น ณ ขณะนั้นออกมาในเพลงจนเราเห็นภาพชัดมาก ชัดกว่านี้ไม่ได้แล้ว ยิ่งช่วงท้ายเพลงที่เริ่มเร่งจังหวะขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ต้องหวีดตื่นเต้นในใจอีกรอบ ก่อนจะเฟดไปด้วยเสียงเขาร่ายกวีอีกครั้งในท่อนที่พูดถึงพฤติกรรมที่เขาไม่เข้าใจของชายชราที่เขาได้พบบนทางรถไฟราวกับเป็นเครื่องเตือนสติ

/ช่วง Q&A เขาเล่าว่า เพลงนี้เป็นเหตุการณ์เช้าวันหนึ่งที่เขาต้องไปทำงานที่ Studio 28 จนถึงเวลาหกเจ็ดโมงกำลังจะนอน ‘มิก—เพชรภูมิ เพชรแก้ว’ โปรดิวเซอร์และเพื่อนสนิทที่ AUTTA ยกให้เป็นเจ้าของอัลบั้มนี้ครึ่งนึง โทรมาหา จากนั้นก็มาเคาะประตูห้อง ยื่นกระป๋องเบียร์ให้ แล้วชวนออกไปสำรวจโลก จึงเป็นที่มาของชื่อเพลง ‘ทางรถไฟกับวัยเซ่อ’ ซึ่งอันที่จริงไม่ใช่ ‘วัยเซ่อซ่า’ หรือกะจะทำให้เท่เหมือนชื่อหนังสมัยก่อนแบบ ‘พริกขี้หนูกับหมูแฮม’ แต่อย่างใด จริง ๆ เป็นเบียร์ยี่ห้อหนึ่งที่ชื่อพ้องกันแค่นั้นแหละ

กีตาร์พิกกิ้งรัวเท่กับกลองเบา ๆ คุ้นหูในเพลง ‘ไม่ว่างมองฟ้า’ บรรเลงขึ้นเป็นเพลงถัดมา ซึ่งเพลงนี้เคยมีมิวสิกวิดิโอออกมาแล้วก่อนหน้า และได้ Pratyamic และ K.Aglet แห่งคณะโอลสคูล The Foolest มาร่วมเสกไรห์มโฟลว์คม ๆ ในเพลงเนื้อหาตัดพ้อชีวิตอันน่าเหน็ดเหนื่อย ส่วน AUTTA ก็แบ่งโฟลว์ลงบีตของตัวเองได้เท่มาก สารภาพว่าเพลงนี้เคยทำเอาเราน้ำตาไหลในช่วงที่เหนื่อยมาก ๆ จากงานจนไม่มีเวลาให้ตัวเองได้พักหรือใช้เวลากับคนรอบข้าง ยังดีที่เมโลดี้ปลอบประโลมและเปี่ยมความหวังสุด ๆ ทำให้เหมือนเป็นการมานั่งบ่นกับเพื่อนว่า ‘เหนื่อยโว้ย’ แล้วเพื่อนก็บ่นกับเราเหมือนกัน พอบ่นใส่กันเสร็จปุ๊บก็ลุกขึ้นไปลุยกันต่อ เหมือนได้ชาร์จพลังกันแล้วแปปนึงจากความรู้สึกที่ว่า เราไม่ได้เหนื่อยอยู่แค่คนเดียวนะ 

อีกเพลงที่เคยปล่อยมาก่อนหน้านี้ ‘เธอบอกว่าฉันคือ’ เป็นเพลงที่เมโลดี้ไพเราะจนทำเอาเราขนลุกในทุก ๆ ครั้งที่ได้ฟัง ยังไม่รวมถึงน้ำเสียงหม่นของ พัด Zweed N’ Roll ที่เข้ากันสุด ๆ กับอารมณ์สุขเจือเศร้าของเพลงนี้ เนื้อหาที่ต้องอาศัยการตีความเพราะระบุไม่ได้แน่ชัดว่าบุคคลที่เขาพูดถึงในเพลงหมายถึงใคร อาจจะเป็นครอบครัว คนรัก หรือใครก็ตามที่เป็นทั้งกำลังใจ เชื่อมั่นในตัวเขา แต่ขณะเดียวกันก็ตั้งความคาดหวังไว้กับเขา ซึ่งเราไม่สามารถรู้ได้เลย แม้แต่ตัวผู้กำกับมิวสิกวิดิโออย่าง โรส—พวงสร้อย อักษรสว่าง เองก็มองว่า เพลงนี้ของ AUTTA ทำให้เธออยากตีความออกมาเป็น ‘ภาพ’ มากกว่าที่จะเรื่องเล่าตรงไปตรงมาแบบที่เธอถนัด เรารู้สึกว่าสไตล์ภาพในงานนี้ของโรสทำให้นึงถึงผลงานของคาราวัจโจที่เน้นแสงเงาที่แข็ง ขับเน้นความคมชัด และอารมณ์ที่รุนแรง ซึ่งโรสเล่าว่าสำหรับเธอ คำว่า ‘ความรัก’ ในเพลงนี้เด่นชัดมาก จึงกลายมาเป็นการใส่สัญญะต่าง ๆ ที่คนมักจะหยิบมาเป็นตัวแทนของคำคำนี้ว่ามันสามารถเป็นอะไรได้บ้าง อย่างเช่น นก หัวใจ ลูกศร การทิ่มแทงทำร้าย ผู้หญิง ผู้ชาย หรืออาจจะไร้เพศ เพื่อให้สอดคล้องกับตัวเพลงเองที่ก็ต้องอาศัยการตีความเช่นกัน

/กรเล่าว่ามิวสิกวิดิโอเวอร์ชันของโรสเป็นตัวแรกที่ผู้กำกับขายมายังไงก็ผ่านอย่างนั้น ไม่มีการขอแก้อะไรเลย และทางโรสเองก็ไม่ได้ถูกบรีฟว่าตัวศิลปินอยากได้อะไรเช่นกัน ถือเป็นความลงตัวทั้งภาพ เสียง จังหวะเวลา และอะไรหลาย ๆ อย่างในช่วงที่เพลงนี้ปล่อยออกมา (visualizer ที่ฉายของทั้งสองเพลงแตกต่างจากมิวสิกวิดิโอที่ปล่อยออกไปในเวอร์ชันซิงเกิ้ลทั้งสองตัว) กรได้เผยอีกว่าช่วงที่อัดเพลงนี้ กับ ‘ไม่ว่างมองฟ้า’ ฮาร์ดดิสก์เกิดพัง แต่โชคดีว่าเพลงของ พัด ไม่หาย ไม่ต้องอัดใหม่ เพลงของปรัชญาไมค์กับ KA หาย แต่โชคดี bounce เสียงร้องเก็บไว้ ส่วนเพลงอื่น ๆ หายหมดเลย ก็เป็นอันต้องเหนื่อยอีกรอบ แต่ความพิเศษก็คือคนที่ซื้อบัตรมาร่วม session นี้จะได้รับซีดีเดโม่ของทั้งสองเพลง รวมถึง ‘สุดท้ายแล้วเราจะ…’ ไปฟังกันแบบเข้มข้นเข้าถึง DNA ของงานชุดนี้

ฟังมาถึงแทร็คที่ห้า เพลงนี้เป็นเพลงที่ทาง YUPP! เคยเอามาให้เราลองฟังก่อนหน้านี้โดยที่ยังไม่ได้ฟังเพลงอื่น ๆ ในอัลบั้ม ซึ่งพอได้ดูพร้อมฟังในโรง ก็รู้สึกว่าเบสมันหวดเอาหวดเอาเพราะระบบเสียง Dolby Atmos รอบทิศสะใจมาก ดุเด็ดเผ็ดมันกับกีตาร์ไล่สเกลพร็อกร็อกแบบ Polyphia (ใครอยากสัมผัสประสบการณ์นี้ที่บ้านก็สามารถฟังได้บน Apple Music ที่มีฟีเจอร์ Spatial Audio กับอุปกรณ์ที่รองรับ) ต้องบอกว่าเขาเรียงเพลงมาดีมาก จากเปิดมาแบบแจ๊สทรงภูมิอร่อยหู ก็ส่งเข้าช่วงพักหูในเพลงเพราะ ๆ แล้วตัดเข้าห้วงโหดของอัลบั้ม ซึ่งก็คือเพลงนี้ ‘เกลียดกูก่อนมึง’ เป็นเพลงเสียดสีที่พูดเรื่องความรู้สึกเกลียดตัวเอง แน่นอนการอยู่ในแวดวงนี้มันต้องผ่านคำสบประมาทและเสียงวิจารณ์ของ haters ซึ่งเขาก็ใช้มุข ‘เล่นตัวเองเจ็บน้อยกว่า’ แล้วก็ใช้น้ำเสียงกวนโอ๊ย พูด ‘ง้าบ’ หรือ ‘คับป๋ม’ ตลอดทั้งเพลง ไปจนถึงการตอกกลับว่าบางทีคนที่ว่างจะไปเกลียดคนอื่น จริง ๆ แล้วคนคนนั้นเองก็น่าจะมีปัญหาอะไรสักอย่างเหมือนกัน

/เกร็ดเล็ก ๆ ของเพลงนี้คือ อันที่จริงแล้วคอนเซ็ปต์มาก่อน ‘ANTLV’ และบีตของ ‘ANTLV’ มันเคยเป็นของเพลงนี้ แต่ดันเขียน ‘ANTLV’ เสร็จก่อนเลยถูดยึดไปใช้จนกลายเป็นเพลงแบบที่เราได้ฟังกัน ในขณะที่ ‘เกลียดกูก่อนมึง’ ต้องเอามาทำใหม่ทีหลัง

ภาพในจอเป็นบรรดาคนในชีวิตของตัวเอกที่อัดกันอยู่ในรถคันเล็ก ๆ คอยพยายามบอกทางให้เขาขับรถไปทางนั้นทางนี้ที สร้างความน่าอึดอัดใจไปตลอดทั้งเพลง ‘Introvert’ ที่กีตาร์ร็อกยังคงบรรเลงต่อเนื่องมาจากเพลงที่แล้ว สะใจกับดนตรีเข้มข้นไปทั้งไลน์กีตาร์สวิงสวาย ซินธ์เบสหนักหน่วง และออโต้จูนกับสไตล์แร็ปสุดกวนของ AUTTA กับท้ายเพลงที่กีตาร์ซิ่งอย่างบ้าคลั่ง เพลงนี้ต้องการจะบอกว่าอันที่จริงแล้วเนี่ย ที่กูดูเหมือนไม่ชอบพูด ก็แค่ไม่อยากคุยกับมึงอะค้าบ แล้วที่เราชอบมากอีกอย่างคือเวลาเขาแร็ปภาษาอังกฤษด้วยเสียงทุ้ม ๆ มักจะเท่ระเบิดระเบ้อเสมอ ต่อเนื่องกันใน ‘ANTLV’ ที่พอได้ฟังในโรงก็เป็นแทร็คปลุกใจได้ดี รายละเอียดซาวด์ทำเอาเราเกือบลืมหายใจ ดีมาก และไม่ต้องพูดอะไรมากสำหรับเพลงและมิวสิกวิดิโอตัวหลักที่หลังจากเปิดตัวได้ไม่นานในฐานะเพลงคัมแบ็ก ก็สร้างปรากฏการณ์และเสียงฮือฮาให้ทุกคนเลิกสบประมาทเขาคนนี้ได้อยู่หมัด 

ผ่อนคลายจากแทร็คเดือดติดกันสามเพลง ด้วยโหมดเมโลดี้ร้องป๊อปแต่ดนตรีมากไปด้วยดีเทลสุดโหดตามสไตล์นักเรียนดนตรีคนนี้ ในเพลง ‘ทบทวน’ เขาได้ชวน NAMEMT มาร้องและแร็ปด้วย หลาย ๆ คนอาจจะไม่เคยได้ยินนักเลงเมืองทองเขาร้องเพลงมาก่อน ซึ่งเสียงเขาก็นุ่มเหมาะกับฟีลเพลงอะคูสติกกีตาร์เบา ๆ เหงาซึมอยู่นะ กรเล่าในช่วง Q&A ว่า “พอเห็นว่าเป็น NAMEMT ผมหลอกทุกคนว่าเพลงนี้มันจะเป็นแก๊ง เดือดดาลแน่ ๆ แต่จริง ๆ ผมจับพี่เนมมาร้องเพลง” แล้วก็เป็นหนึ่งในเพลงที่เจ้าตัวชอบที่สุดอย่าง ‘หลอกมาเลย’ ที่ถึงมันจะป๊อปโซล แต่รายละเอียดอิเล็กทรอนิกหลากเลเยอร์ที่เขาจับยัดเข้าไปนี้เหมาะจะฟังให้เบสกระหึ่มหูมาก จากนั้นจึงเป็น ‘สุดท้ายแล้วเราจะ’ ที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังจากทั้งเนื้อหาและน้ำเสียงของ เล็ก Greasy Cafe ทำเอาสะท้อนมองชีวิตแล้วต้องนั่งซึมแทบทุกรอบที่ได้ฟัง ก่อนจะปิดท้ายกันไปด้วยเพลง ‘ประกายฟ้า’ แทร็คสุดท้ายของอัลบั้ม

“ที่มาของเพลง ‘ประกายฟ้า’ คือชื่อของเขา เขาเป็นนักดนตรีคนนึงที่จากเราไปแล้ว แต่ความพิเศษของเขาคือเคยคัฟเวอร์เพลงนึงของผม ชื่อ ‘แย้มบาน’ เราก็แชร์งานแล้วได้มีโอกาสพูดคุยกัน เขาบอกว่าถ้าเรามีคอนเสิร์ตก็อยากมาดูเรานะ แต่ช่วงนั้นมันโควิดพอดี แล้วเราก็ไม่มีโอกาสได้ดูกันอีกเลย 

“เราเก็บเรื่องนี้ไว้นานแล้ว มีอยู่วันนึงเราได้ยินข่าวดาวหางอันนึงจะวิ่งผ่านโลกในรอบกี่ร้อยปีไม่รู้ มันสวยงามมาก ก็เลยกลับมาคิดถึงเขาแล้วก็รู้สึกว่าลักษณะของประกายฟ้า ก็คือดาวหาง ชื่อเขาเข้ากับมันด้วย แล้วดาวหางมันสวยงามก็ต่อเมื่อมันจะจากเราไป… เราจะจดจำมัน รับรู้ถึงการมีอยู่ของเขาเมื่อตอนกำลังจะจากไป

“เพลงที่ผมทำคือทำตามใจสุด ๆ ขอบคุณมากจริง ๆ ที่พวกนายฟังสิ่งเหล่านี้ได้ และขอบคุณค่ายที่กล้าลงเงินไปกับอะไรบ้า ๆ แต่เพลงนี้เป็นเพลงแรกเพลงเดียวที่ผมตั้งใจแต่งให้คนฟังรู้สึกถูกโอบกอดจริง ๆ เพราะในอัลบั้มผมมีความ negative เยอะ ก็อยากให้เพลงนี้เป็นเพลงที่ทำให้คุณรู้สึกว่าไม่ได้อยู่คนเดียว ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจให้เป็นเพลงปิดอัลบั้ม แต่พอเขียนเสร็จแล้ว… ก็ต้องเป็นเพลงนี้แหละ” กรเล่าก่อนที่จะเริ่มโชว์ในช่วงถัดไป

‘3.45 x 4.9 x 2.55’ AUTTA Album Listening Session

สำหรับอะคูสติกไลฟ์เนี่ย ความที่เราไม่รู้ว่าเพลงในอัลบั้มเขาจะเป็นยังไงบ้าง เราก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะเจอวงควอเท็ตหรอก แต่พอได้ฟังเพลงประกอบการดูไปแล้วเนี่ย ก็ตื่นเต้นมาก ๆ ที่จะได้ฟังเพลงแจ๊สผสมแร็ปของ AUTTA ซึ่งเพลงที่เขาหยิบมาเล่นในวันนี้ก็คือ ‘704’ ที่ฟังแล้วฮึกเหิมมาก พาร์ตดนตรีคอมโพสมาถึงเครื่องสุด ๆ คาดหวังจะได้ฟังเพลงอื่น ๆ ในอัลบั้มที่เป็นแจ๊สกับร็อกจัด ๆ แบบสด ๆ ในโอกาสถัดไป ส่วนอีกสองเพลงที่เขาเล่นคือ ‘ทบทวน’ ที่ NAMEMT มาไม่ได้เนื่องจากภารกิจครอบครัว และอีกเพลง ‘ประกายฟ้า’ ที่กรนั่งอยู่หลังเปียโนไฟฟ้าคนเดียว และบรรเลงออกมาอย่างเปี่ยมล้นความรู้สึกได้จนจบเพลง เราเชื่อว่าเพลงนี้มีความหมายกับเขาจริง ๆ จบจากพาร์ตนี้ก็มีช่วงที่แฟนคลับเซอร์ไพรส์ด้วยวิดิโอให้กำลังใจ มีโปรเจกต์ชูป้ายข้อความ และเตรียมเค้กพร้อมร้องเพลงให้กรล่วงหน้าสำหรับวันเกิดกำลังจะใกล้เข้ามาถึง เรียกว่าอิ่มใจทั้งศิลปินและคนดูจริง ๆ

‘3.45 x 4.9 x 2.55’ AUTTA Album Listening Session

ตั้งแต่วันแรกที่ได้ยินชื่อ AUTTA จากการแร็ปแบตเทิลของ Rap Is Now ความสามารถในการเลียนสไตล์ของแร็ปเปอร์คนอื่น ๆ ทำให้เขาเป็นที่ถกเถียงกันอย่างกว้างขวางในหมู่แฟนฮิปฮอปว่าคนนี้ตัวจริงจริง ๆ หรือเปล่า อะไรคือลายเซ็นของคนคนนี้ ซึ่งนั่นก็เป็นแรงผลักให้เขาได้ถ่ายทอดตัวตนออกมาในผลงานเดี่ยวชิ้นอื่น ๆ หลังจากที่เซ็นสัญญาเป็นศิลปินค่าย YUPP! เขาก็ทยอยปล่อยเพลง ‘ชายหน้ามึน’ มาจนถึง ‘แย้มบาน’ และ ‘ANTLV’ AUTTA ได้เติบโตอย่างก้าวกระโดด และพิสูจน์ตัวเองจนทุกคน—ไม่ว่าจะเป็นแร็ปเปอร์รุ่นพี่ หรือคนฟัง—ต่างขนานนามเขาว่าเป็นอัจฉริยะนักแร็ป ที่ผนวกเอาเพลงแจ๊ส ร็อก และแนวดนตรีอื่น ๆ เข้ามาใส่ไว้เบื้องหลังไรห์มและโฟลว์ที่ผ่านการคิดคำนวนอย่างชาญฉลาด จากผลงานและความสามารถที่ต้องยอมรับว่าหาตัวจับยาก เขาได้รับโอกาสมากมายให้ไปอยู่เบื้องหลังผลงานของศิลปินต่างสายนับไม่ถ้วน และในวันนี้ที่เราได้ฟังทุกเพลงในอัลบั้มที่เขาอยากเล่าออกมาอย่างสุดความสามารถ มันก็ได้เป็นที่ประจักษ์แล้วจริง ๆ ว่านี่แหละคือ AUTTA รับฟังอัลบั้มเต็ม ‘3.45 x 4.9 x 2.55’ พร้อมกันได้แล้ว ที่นี่ ส่วนภาพยนตร์ประกอบอัลบั้ม เจ้าตัวแจ้งว่าจะมีให้ได้รับชมหลังจากนี้อีกไม่นานเกินรอ 

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก วรรษชล ศิริจันทนันท์

+ posts

อิ๊ก นักเขียนสายดนตรีที่เกือบจะต้องวางมือ แต่คงหนีไม่พ้นเพราะยังอยากพูดถึงวงและเพลงดี ๆ ต่อไปเรื่อย ๆ

Related Articles

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More

Privacy & Cookies Policy