MEW THE FAREWELL SHOWS กลายเป็นหนึ่งในโชว์ที่ไม่ควรพลาดที่สุดในปีนี้ทันที ตั้งแต่ตอนประกาศออกมา เพราะว่านี่คือทัวร์ครั้งสุดท้ายของ Jonas Bjerre ฟรอนต์แมนของวง แม้สมาชิกอีกสองคนอย่างมือเบส Johan Wohlert และมือกลอง Silas Utke Graae Jørgensen จะยังไปกันต่อในชื่อ Mew แต่การที่จะไม่ได้น้ำเสียงอันหวานแหลมที่เป็นเอกลักษณ์ของ Jonas ตลอด 30 ปีที่ผ่านมาของวงร็อกจากเดนมาร์กวงนี้อีกแล้ว ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายสุด ๆ เป็นอีกคอนเสิร์ตที่เรานับวันรอจริงจัง
เอาจริง ตอนดูจบก็ยังอึน ๆ ว่านี่คือโชว์ครั้งสุดท้ายของ Jonas กับ Mew แล้วจริง ๆ หรอ แต่พอได้เขียนรีวิวทั้งหมดออกมาก็เหมือนได้ทบทวนคืนนั้นอีกครั้ง มันทำให้เราน้ำตาคลอจมูกตัน รู้สึกว่าตัวเองโชคดีจริง ๆ ที่ได้อยู่ในช่วงเวลาที่จะต้องจดจำไปทั้งชีวิต นอกจากวงจะเล่นแต่เพลงจากอัลบั้มแรก ๆ แล้ว นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เป็นพยานของอีกหนึ่งเสียงที่ไพเราะจับใจที่สุดในชีวิต

14 พฤศจิกายน 2568 — Moonstar Studio
หลังจากฝนตกมาหลายวัน ก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีมาก ๆ ที่วันนี้ฝนไม่ตก เพราะเรามีประสบการณ์ไม่ดีกับที่นี่ทุกครั้งที่ฝนตก วันนี้เราจึงเข้างานได้อย่างสบายใจ แต่ก็ต้องใจสลายเพราะไม่มีโต๊ะ Merch ของวงเลย อดเสียดายไม่ได้ที่ไม่ได้มีของที่ระลึกเก็บไว้สำหรับทัวร์ครั้งสุดท้ายนี้
พอเวลาสองทุ่มเป๊ะ สมาชิกคนอื่นในวงก็เดินขึ้นเวทีมา พร้อมซัด Reprise ขึ้นมาอย่างยิ่งใหญ่ ซินธ์อันแสบทรวงค่อย ๆ บีบนวดเราให้โฟกัสบนเวที ก่อนที่ Jonas จะเดินขึ้นมา โชว์พลังเสียงอันทรงพลังโดยอายุที่เยอะขึ้นไม่ใช่อุปสรรคที่จะทำลายบรรยากาศที่คุ้นเคยแบบนี้ได้เลย เอาจริง ๆ เราแอบน้ำตาคลอตั้งแต่จบเพลงนี้ละ
ก่อนจะจัดเซ็ตเพลงฮิตตลอดกาลมาให้เราฟังจนหนำใจ เริ่มด้วย Satellites ที่เสียงเปียโนไล่ระดับในอินโทรขึ้นมาปุ๊บ ชาว Frengers ก็ระเบิดเสียงกรี๊ดทันที เหมือนทุกคนรอเพลงนี้มาทั้งชีวิต ไลน์กีตาร์โซโล่ฉูดฉาดท่อนฮุกที่ถ่ายทอดดนตรีทุกชิ้นออกมาได้ชวนโยกตามสุด ๆ เป็นความรู้สึกที่คิดถึงอย่างประหลาด

ต่อด้วย Special ที่คึกคักสุด ๆ ด้วยจังหวะกลองอันหนักแน่น ลงตัวกับแสงสปอร์ตไลท์ที่ฉายภาพเงาของสมาชิกทุกคนได้อย่างดุดัน ก่อนจะเชื่อม outro เข้าเพลงที่เรารักที่สุดอย่าง The Zookeeper’s Boy ได้อย่างเนียนกริบ ท่อนฮุกที่สะกดใจเราได้ด้วยเสียงแหลมอันไพเราะจนเราเผลอตะโกนร้องตาม “Are you, my lady, are you?” กับจังหวะดนตรีโปรเกสซีฟที่โคตรทำงานกับเรา
ก่อนจะจัดพาเหรดเพลงที่เราคิดถึงจากอัลบั้มแรกให้แบบจัดเต็ม ตั้งแต่ The Circuitry of the Wolf ไลน์กีตาร์และกลองที่ชวนฉงนนี้มันสร้างความประทับใจบางอย่างไม่รู้ลืม พอได้มาฟังสด ๆ แล้วคือยิ่งรักเพลงนี้เลย ต่อด้วย Chinaberry Tree เซอร์ไพรส์มากที่เล่นเพลงนี้ เสียงสังเคราะห์กับไลน์กีตาร์ที่นุ่มนวล โอบเราไว้ทีละชั้น ก่อนจะสวมกอดเราด้วยเสียงร้องแหลมหวานกับเนื้อเพลงราวกับกวี ก่อนจะจบช่วงนี้ด้วย Then I Run ที่ค่อย ๆ พาอารมณ์ของเราลงก่อนจะระเบิดความเท่ในช่วง outro อีกที สาแก่ใจแฟนรุ่นเก๋ามาก ๆ
ช่วงระหว่างเบรกสั้น ๆ Jonas ก็บอกกับทุกคนว่าเล่นเพลงเก่ามาเยอะแล้ว ขอเล่นเพลงใหม่ ๆ บ้าง ก่อนจะจัด Gliding ให้ทุกคนได้ฟัง ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เราได้ฟังเพลงนี้จากวงเอง เพลงนี้ไม่มีในสตรีมมิ่งไหนมาก่อนซึ่งในหมู่แฟนคลับคุยกันว่าเป็นเพลงที่ Jonas แต่งให้กับ Bo Madsen สมาชิก Mew ยุคก่อตั้งที่น่าจะจบกันไม่สวยเท่าไหร่ แต่ด้วยความที่เขียนเป็นออร์เคสตราเองก็ตราตรึงใจเอาเรื่องเหมือนกัน

ไปกันต่อด้วย Ay Ay Ay ที่อัพบีทบรรยากาศของฮอลล์ขึ้นมาหน่อย ท่อนฮุกที่ร้อนระอุก็ทำให้เราเผลอโยกตาม ก่อนจะต่อด้วย Symmetry ซึ่งเราประทับใจมากกับการขึ้นวีดีโอของ Becky Jarrett พร้อมเสียงร้องที่มิกซ์มากอย่างดี อารมณ์มาเต็มกว่าออดิโอร้อยเท่า! และ Jonas ก็คอรัสประสานไปด้วยกัน กลายเป็นบันลาดที่งดงามมาก ฮุกที่ทั้งสองคนร้องด้วยกันคือทรงพลังมาก ๆ เป็นอีกเพลงที่เซอร์ไพรส์สุด ๆ ในโชว์นี้
ต่อด้วยช่วยไฮป์สุด ๆ กับเหล่าเพลงจากอัลบั้มแรก ๆ เริ่มด้วย 156 ที่มีลูกเล่นด้วยการสลับจังหวะท่อนฮุกได้มันและสนุกสุด ๆ โซโล่ที่ดุเดือดก็ทำให้เราประทับใจมาก Apocalypso เป็นอีกเพลงที่จังหวะกลองขึ้นมาทุกคนก็โห่ร้องด้วยความดีใจ กับดนตรีพุ่งพล่านจนเราต้องโยกตามทั้งเพลง แถมยังเชื่อมไปสู่ Saviours of Jazz Ballet ได้อย่างสวยงามมาก ไปกันต่อกับ She Spider ซินธ์กับกีตาร์เข้าคู่กันแบบหล่อจัด ก่อนจะซัดฮุกทรงพลังใส่เราจนจุก ท่อนโซโล่ก็มันสุด ๆ ก่อนจะจบด้วย Rows ที่พาอารมณ์พุ่งพล่านทั้งเพลง เสียงซินธ์ในท่อนโซโล่มันบาดใจซะเหลือเกิน ฮุกสุดท้ายที่ทุกอย่างถึงจุดพีคคือทำเราหน้าเบี้ยวตามด้วยความสะใจ
หลังจบเพลงนี้ ทุกคนก็ลงจากเวทีกันหมดทันที คนดูไม่รอช้ารีบปรบมืออังกอร์ทันทีไม่ให้พัก ไม่กี่อึดใจทุกคนก็กลับขึ้นมาพร้อมซัดทุกคนด้วย Introducing Palace Players ซึ่งทุกคนก็กรี๊ดแตกทันทีเพราะเป็นอีกเพลงที่แฟนคลับน่าจะรักตลอดกาล

หลังจากเพลง Jonas ก็ใช้โอกาสนี้ในการขอบคุณทุกคนที่มาเจอกันในวันนี้ เพราะครั้งนี้น่าจะเป็นทัวร์สุดท้ายของเขาแล้ว ทุกคนต่างปรบมือเพื่อเพื่อตอบรับที่ Jonas และ Mew สร้างค่ำคืนที่วิเศษขนาดนี้ให้พวกเรา ซึ่ง Jonas เองก็ฝากให้ทุกคนสนับสนุน Johan และ Silas ต่อไปด้วย
ก่อนจะจัดอีกสองเพลงที่เราไม่คิดว่าจะได้ฟังอย่าง I Should Have Been a Tsin-Tsi (For You) และ Am I Wry? No ที่ส่งท้ายความสนุกได้อย่างร็อก ก่อนจะปิดท้ายโชว์ที่น่าจดจำนี้ด้วย Comforting Sounds ที่เรารักที่สุด ด้วยกีตาร์บรรเลงเบา ๆ สร้างช่องว่างให้ Jonas ได้เติมเสียงอันไพเราะของเขาในครั้งสุดท้ายลงไป ทุกคนก็ร้องตามไปทั้งเพลง สร้างมวลอารมณ์เรียกน้ำตาสุด ๆ ก่อนกลองและเบสเข้ามาเติมในท้ายเพลง ทั้งฮอลล์ก็ระเบิดอารมณ์ไปพร้อมกันอย่างตราตรึงใจ
หลังจบงาน วง Mew ก็ออกมาทักทายทุกคนอย่างเป็นกันเอง หลายคนได้พูดความในใจกับพวกเขารวมถึงเอาอัลบั้มไวนิลอะไรมาให้เซ็นต์เพื่อเป็นที่ระลึก เรียกว่าวงน่ารักมาก ๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมอยู่มาได้ถึง 30 ปี ทั้งโชว์และความเป็นกันเองนี้ เสียดายแทนคนที่ไม่ได้ไปวันนั้นมาก ๆ ยังไงเราก็จะยังฟัง Mew ต่อไปแน่นอน

ชอบไปคอนเสิร์ตเพราะเป็นกิจกรรมที่ทำคนเดียวได้ และยังชอบแนะนำวงดนตรีใหม่ ๆ ผ่านตัวอักษรตลอดเวลา
