Sunlotus วงอินโดนีเซีย ที่พาซาวด์ shoegaze ก้าวข้ามขอบเขตของดนตรีได้หนักหน่วงและดุดัน

by McKee
613 views
Sunlotus Indonesia shoegaze interview

Sunlotus อาจจะเป็นชื่อที่คนไทยไม่คุ้นเคยเท่าไหร่ แม้แต่แฟนเพลงสาย shoegaze เองก็ตาม แต่วงอินโดนีเซียวงนี้แหละที่กำลังจะสร้างแรงกระเพื่อมบางอย่างในซีนร็อกได้อย่างรุนแรง ด้วยการตามหาซาวด์อันหนักหน่วงแต่นุ่มนวลของตัวเองจนเจอ แม้แต่ชาวร็อกยังยอมรับในความดุดันของพวกเขา และสายลอยก็ยังยกให้เขาเป็นอีกวงที่น่าจับตามองที่สุด ณ ตอนนี้

Space Invader วันนี้เราอยู่กับ Made Dharma ฟรอนต์แมนของวง Sunlotus ถึงความเป็นมาของวง การตามหาซาวด์ shoegaze ในแบบของตัวเอง และการมาไทยของพวกเขาครั้งแรก

รู้สึกยังไงบ้างที่จะได้มาโชว์ที่ไทยครั้งแรก

Made: เราตื่นเต้นมาก ๆ ที่จะได้มาโชว์ที่ไทยหลังจากไม่ได้ออกไปไหนเลยหลังโรคระบาด ผมกับ Dzul มือกีตาร์เคยมาไทยแล้วกับวงอื่นตอนปี 2018 กับ 2019 ตอนนั้นเราไปเล่นที่ Immortal Bar กับวงพังก์และวงฮาร์ดคอร์ แต่เพื่อนเราอีกสองคนเพิ่งเคยจะได้เล่นโชว์ต่างประเทศครั้งแรก พวกเราแฮปปี้มาก ๆ

เล่าให้ฟังหน่อยว่า Sunlotus เริ่มฟอร์มขึ้นมาได้ยังไง

ตอนเราตั้งใจว่าจะทำวงที่ปล่อยเพลงให้ฟังอย่างเดียว และไม่เล่นโชว์ที่ไหนเลย ผมเริ่มตั้งวงตอนที่ต้องกลับมาอยู่บ้านเกิด มันเป็นเมืองที่เงียบเหงามาก พอเริ่มเบื่อและอยากเล่นดนตรีด้วยเลยชวนเพื่อนพี่ชายซึ่งคือ Dzul มาช่วยตีกลองให้ ในช่วงแรกเราทำเพลง math hardcore แต่เมื่อทำ ๆ ไปเราอยากลองทำอะไรที่ไม่เคยทำมากกว่า Dzul สลับมาเล่นกีตาร์และเราเริ่มเขียนเพลงในอัลบั้มแรกของเรา This Old House ทันที หลังจากใช้เวลา 3-4 เดือน ผมก็ไม่สามารถเล่นอะไรอย่างอื่นได้อีกนอกจาก shoegaze ผมเอาแต่ฟัง MBV อัลบั้ม self titled ที่ออกมาช่วงปี 2016-2017 เพราะคอยไปเล่นเบสกับกีตาร์ให้วงเพื่อน Annie Hall ทำให้ผมเริ่มหันมาชอบ shoegaze จริงจัง ส่วน Dzul ไม่รู้จักแนวเพลงนี้มาก่อนเลยตอนเราตั้งวง

ได้ยินว่าการตั้งวงในบ้านเกิดของคุณมันยากมากเพราะไม่มีคอมมูนิตี้เกี่ยวกับดนตรีเลย แล้วคุณหาแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ให้กับวงยังไง

จริง เมืองที่ผมเริ่มตั้งวงเป็นเมืองที่เล็กมาก ไม่ค่อยมีกิจกรรมอะไรที่นี่ ผมคิดว่าไม่มีแม้แต่วงป๊อปหรือวงร็อกเลยด้วยซ้ำ ทุกคนในวงโตมากับการฟังเพลงพังก์ ฮาร์ดคอร์ เมทัล และอยู่ในวงที่ทำเพลงสุดโต่งมาก ๆ แต่เราก็ยังไปเที่ยวหรือดูคอนเสิร์ตของซีนเพลงอื่น ๆ ทำให้เราเข้าถึงรสนิยมดนตรีใหม่ ๆ และให้เกียรติแนวดนตรีอื่น ๆ ด้วย วงของเรายังชอบทดลองอะไรใหม่ ๆ ตลอดเวลา อย่างตอนโชว์เราก็ยังใส่ความฮาร์ดคอร์เข้าไป ซึ่งท้าทายกับวงมาก

แรงบันดาลใจในการทำเพลงแนวนี้

อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ว่า วงของเราเองก็ชอบทดลองอะไรใหม่ ๆ เหมือนกัน เราทำงานที่ต้องทดลอง ผลักดันซาวด์ให้ไปสุดทาง หรือลองเล่น improvise ดูบ้าง Bagus มือกลองของเราเองก็สร้างและทำลายโครงสร้างซาวด์กลองเดิม ๆ ตลอดเวลา เพราะเขาเล่นในคลับสายทดลอง Kombo ในอินโดนีเซีย แต่สิ่งที่ทำให้ผมหลงใหลในแนวดนตรีนี้คือ Justin Broadrick จากวง Jesu ผมชอบที่เขาสร้างซาวด์ที่หนักหน่วงและซับซ้อน ด้วยความเรียบง่ายและมินิมัล ศิลปินคนอื่นที่ช่วยให้ผมเข้าถึงแนวดนตรีนี้มากขึ้นคือ Boris, Hammock, Earth และแน่นอน MBV

กลุ่ม shoegaze อาจไม่ค่อยเติบโตในอินโดนีเซียเท่าไหร่ แล้วดนตรีของคุณอยู่ตรงไหนในซีนนี้ และวัฒนธรรมของที่นี่ส่งผลกระทบกับแนวดนตรีคุณยังไงบ้าง

แม้ว่าจะจะไม่ค่อยมีพื้นที่ให้ shoegaze แต่เชื่อเถอะว่ามีวง shoegaze และวง dream pop อีกเยอะมากในอินโดนีเซีย ระหว่างที่เราคุยกันพวกเรากำลังทัวร์อยู่ ทุกงานที่เราไปเล่นก็มักจะมีวง shoegaze อยู่บนโปสเตอร์กับเราด้วย อยากให้ลองฟัง The Bunbury, Nood Kink และ Haszh พวกเขาล้วนสร้างเอกลักษณ์ของตัวเองในแนวดนตรีนี้ได้น่าสนใจ ยังมีวงเพื่อนผมอย่าง Enola และ Milledenials หรือวง Deccay และ Fleuro ที่ทำให้เราทึ่งสุดระหว่างทัวร์ ยังมีอีกหลายวงมากที่ไม่ได้พูดถึง

พูดตรง ๆ ว่าเราก็ไม่ค่อยแคร์เท่าไหร่ว่าจะอยู่ในซีนดนตรีได้มั้ย พวกเราคือพวกนอกคอก (outsiders) สำหรับซีนร็อกและ shoegaze อยู่แล้วด้วย แต่เราไม่ปล่อยให้ใครมาขวางทางในสิ่งที่เราทำ ผมว่าหลายคนอาจจะยังมีทัศนคติที่กีดกันคนอื่นที่ไม่เหมือนตัวเอง ถึงขั้นแบบ “ไปตายที่ไหนก็ไป” เคยมีคนมาถามว่าเพลงเราคือแนวอะไรผมจึงส่งลิ้งค์ให้เขาไปฟัง แล้วเขาตอบกลับมาว่าเพลงแบบนี้ไม่ใช่ shoegaze หนิ แล้วใครสนวะ เราใส่หลาย ๆ สิ่งที่เราเขียนลงไปแล้วพวกเราชอบมันมากก็พอแล้ว และมันดีมากที่มีอีกหลายคนชอบในสิ่งที่พวกเราทำ

Sunlotus เพิ่งปล่อย EP Fever ด้วย เล่าให้ฟังหน่อยเกี่ยวกับแรงบันดาลใจของอัลบั้มนี้ อยากให้คนฟังได้รับเมสเสจอะไรไป

EP Fever เราแบ่งการเล่าเรื่องออกเป็น 2 ช่วง ซึ่งเคยปล่อยออกมาเป็นเทปคาสเซ็ทและแบ่งเป็นสองหน้าเหมือนกัน ช่วงแรกพูดถึงการปกป้องคนที่สำคัญสำหรับเรา และช่วงสองพูดถึงการสูญเสียคนคนนั้นไป และความโดดเดี่ยวจากการต้องอยู่ห่างคนที่เรารัก สองเรื่องนี้คอยเติมเต็มชีวิตของทุกคน ทำให้ชีวิตมันสมดุล ทำให้นึกถึงตอนเราป่วยเป็นไข้หวัด ที่ภายนอกอาจจะร้อนรุ่ม แต่ภายในหนาวเหน็บจับใจ

วงมักจะใช้รูปผู้หญิงบนปกอัลบั้ม มันมีความหมายอะไรพิเศษรึเปล่า

ตอนแรกก็ไม่ได้ตั้งใจไว้แบบนั้นนะ อัลบั้มแรกของพวกเราคือรูปถ่ายของเจ้าของค่าย HÉMA Records ที่พวกเราอยู่ ตอนที่บรีฟเรื่องหน้าปกกับเขาเราบอกแค่ว่า อยากได้รูปที่สื่อถึงบ้านหลังเก่าที่ให้ความรู้สึกโหยหาอดีต เหมือนบ้านคุณย่าอะไรประมาณนั้น แต่ตากล้องกลับมาพร้อมภาพนี้แล้วเราชอบมันมาก ๆ แต่พอถามแบบนี้ ภายในจิตใต้สำนึกของพวกเราอาจต้องการใส่ไดนามิกบางอย่างให้กับวงที่ไม่ว่าเพศไหนก็มีส่วนร่วมกับพวกเราได้ ในมุมหนึ่งเราก็ไม่เคยได้เล่นดนตรีกับผู้หญิงเลย ผมไม่ได้หมายถึงว่าเราอยากเล่นนะ แค่ยังไม่เคยได้เล่นเฉย ๆ แต่เพื่อน ๆ พวกเราทุกคนที่คอยช่วยเหลือวง ไม่ว่าจะเป็นตากล้อง วีดีโอ คนทำคอนเทนต์และคนขาย merch ล้วนเป็นผู้หญิงหมดเลย

เพลงไหนที่ถ่ายทอดแรงบันดาลใจของแต่ละอัลบั้มได้ดีที่สุด

สำหรับ This Old House คงเป็นเพลงสุดท้าย A Step Away Further มันบรรจุความรู้สึกที่ผมมีต่อ shoegaze ในหัวผมออกมาได้หนักหน่วง พิศวง ละเอียดอ่อน และความล่องลอยออกมาได้ในเพลงเดียว ส่วน Fever ต้องเพลง Glass-like Dreams มันทั้งดุเดือดและนุ่มนวลไปพร้อมกัน ท่อนที่ดีที่สุดคือ outro ที่ผมและ Dzul โซโล่กีตาร์รีเวิร์บด้วยกันอย่างบ้าคลั่ง ทำให้นึกถึงสไตล์ Iron Maiden และ Megadeath

ในฐานะศิลปินเราก็ต้องพัฒนาต่อไปเรื่อย ๆ แล้วก้าวต่อไปของ Sunlotus คืออะไรกับการทดลองทั้งซาวด์และสไตล์ดนตรี หรือสิ่งที่คุณอยากสร้างให้กับซีนดนตรี

ผมคิดว่าเราเติบโตขึ้นเยอะมากจากอัลบั้ม This Old House คุณน่าจะสัมผัสได้จากการฟังเพลงของเรา วงคุยกันเยอะมากถึงความขบถต่อคอร์ดดนตรี การสร้างจังหวะกับรีฟกีตาร์ที่แตกต่างให้กับอัลบั้มใหม่ เราคุยกันถึงการใช้แซมเปิลและเสียงสังเคราะห์ มีช่วงนึงผมโคตรชอบ Low อัลบั้มล่าสุด ซาวด์สังเคราะห์ที่ดุดันและเสียงซินธ์ของพวกเขามันโดนใจผมมาก จนคิดว่าอาจจะเป็นก้าวต่อไปที่ Sunlotus ควรไป พวกเราพยายามมองหาอะไรใหม่ ๆ ตลอดเวลา และพยายามรักษาเอกลักษณ์ของ Sunlotus เอาไว้ด้วย แต่ถ้าเรามีโอกาสหรือเก่งมากพอ เราอยากเขียนเพลงให้ได้เหมือนกับ Ulver ทำอัลบั้ม Shadow of the Sun เราอยากทำให้เป็น shoegaze แบบ Sunlotus บ้าง

คุณรู้จักวงไทยมากแค่ไหน เคยฟัง Telever และ Svalblue หรือยัง

พวกเราคุ้นเคยกับ Telever ตั้งแต่พวกเขาปล่อยผลงานกับ Native Vision Records ค่ายอินโดนีเซียที่เป็นเพื่อนกับเราเหมือนกัน เลยได้ฟังเพลงของพวกเขาแล้ว แต่เรายังไม่ได้ฟัง Svalblue เลย แต่เชื่อว่ามันน่าตื่นเต้นมากที่จะได้อยู่บนเวทีเดียวกับพวกเขา ส่วนวงไทยวงอื่น ๆ ที่เรารู้จักก็มี Soy, Sinners Turned Saints และ Death of Heather พวกเรายังรู้จัก Whispers ด้วยตั้งแต่ได้พูดคุยกับ Holding On Records ตอนอยู่วงฮาร์ดคอร์วงเก่า

ฝากอะไรถึงแฟน ๆ ชาวไทยหน่อย

พวกเรารอไม่ไหวแล้วที่จะได้ไปโชว์ที่เมืองไทย หวังว่าเราจะได้สนุกด้วยกัน แล้วช่วยแนะนำอาหารไทยให้เราด้วยนะ (:


Sunlotus กำลังจะมาโชว์ที่ไทยครั้งแรกพร้อมกับวง Telever และ Svalblue วอร์มร่างกายให้ดี แล้วเตรียมตัวไปโยกหัวกับพวกเขาวันที่ 10 กันยายน Blueprint Livehouse บัตรราคา 300 บาท ซื้อบัตรได้เลยที่นี่ https://bit.ly/3E1NPvS

ติดตามข่าวสารของพวกเขาได้ที่ Facebook และ Instagram

+ posts

ชอบไปคอนเสิร์ตเพราะเป็นกิจกรรมที่ทำคนเดียวได้ และยังชอบแนะนำวงดนตรีใหม่ ๆ ผ่านตัวอักษรตลอดเวลา

Related Articles

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More

Privacy & Cookies Policy