The NOVEMBERS กับการเดินทางตลอด 2 ทศวรรษ และทัวร์ฉลองครบรอบที่มีประเทศไทยเป็นหนึ่งในหมุดหมายของพวกเขา

771

หลังจากที่ The NOVEMBERS ได้มาเจอกับแฟน ๆ ชาวไทยครั้งแรกในคอนเสิร์ต FEVER Tours 2024 in Bangkok ด้วยดนตรีอันเร้าร้อนและเสียงร้องอันทรงพลังก็ทำให้โชว์ของพวกเขายังติดตาตรึงใจใครหลายคนมาจนถึงวันนี้

และในปีนี้ที่วงก้าวเข้าสู่ปีที่ 20 ของการเดินทางในฐานะศิลปินร็อก พวกเขาไม่ได้เพียงเฉลิมฉลองแค่ความสำเร็จในอดีต แต่ยังพร้อมที่จะเผชิญทุกความท้าทายใหม่ ๆ ที่รออยู่ด้วยพลังสร้างสรรค์ที่ไม่หยุดนิ่งในแบบของวง พวกเขาจึงใช้โอกาสนี้ในการพาเพลงเซ็ตลิสต์ที่อธิบายตัวตนของพวกเขาได้ดีที่สุดในตอนนี้ ออกไปเจอกับแฟน ๆ ที่เคยซัพพอร์ตพวกเขามาตลอด รวมถึงแฟน ๆ ในประเทศไทยด้วย

ใน Space Invader นี้ เราอยู่กับ Yusuke Kobayashi นักร้องนำและมือกีตาร์ของวง ที่มาพูดถึงพัฒนาการของวง ความคิดเบื้องหลังดนตรีของพวกเขา วิธีที่พวกเขายังคงรักษาสุ้มเสียงของตัวเองไว้ได้ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงตลอด 20 ปีที่ผ่านมา และพูดถึงแฟน ๆ ชาวไทยที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พวกเขามาถึงจุดนี้ได้

มองย้อนกลับไปบนเส้นทางดนตรีตลอด 20 ปีที่มาของ The NOVEMBERS ตั้งแต่เริ่มทำดนตรีในอุสึโนะมิยะ กระบวนการทำเพลงของคุณเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง มีช่วงเวลาไหนที่สำคัญกับการเติบโตในฐานะศิลปินมั้ย

แน่นอนว่าการทำเพลงของผมเปลี่ยนไปมากเลยครับ ช่วงแรก ๆ มันเป็นอะไรที่อาศัยสัญชาตญาณและความรู้สึกมากกว่า แต่ตอนนี้มันกลายเป็นกระบวนการที่ลึกซึ้งขึ้น และผมก็ให้ความสำคัญกับการสื่อสาร ทั้งในวงเองและกับสังคมภายนอก หนึ่งในช่วงเวลาที่จำได้ชัดมากคือตอนที่เราอัด EP แรก ตอนนั้นพวกเรายังหาตัวตนทางดนตรีไม่เจอ แต่การที่เราท้าทายกันและกัน ผลักดันตัวเองให้สร้างเสียงของตัวเองขึ้นมา มันส่งผลต่อผลงานที่ตามมาแบบชัดเจนเลยครับ นอกจากนี้ ประเด็นทางสังคม ประวัติศาสตร์มนุษย์ วิทยาศาสตร์ และปรัชญาก็มีอิทธิพลต่อเพลงของเราในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รวมถึงการได้ออกไปเล่นสดต่างประเทศ อย่างเช่นในไทย ก็ช่วยเปิดมุมมองของเราต่อดนตรีให้กว้างขึ้นด้วย

อัลบั้มของคุณมีความหลากหลายทางดนตรีอย่างมาก คุณรู้สึกว่าดนตรีของคุณพัฒนาไปในทิศทางไหนบ้าง แล้วมีแนวคิดหรือธีมอะไรที่ยังคงอยู่มาตลอดไหม

ผมรู้สึกว่าดนตรีของเรากลายเป็นสิ่งที่มีความกว้างและลึกขึ้นครับ เมื่อก่อนเสียงของเราจะค่อนข้างตรงไปตรงมา แต่ทุกวันนี้เราจะโฟกัสกับการสร้างบรรยากาศหรืออารมณ์ในแต่ละเพลงให้ชัดเจนมากขึ้น แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนเลยคือความมุ่งมั่นต่อแก่นของอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นความสุข ความโกรธ ความเหงา หรือความโหยหา การถ่ายทอดอารมณ์เหล่านี้อย่างจริงใจคือหัวใจของดนตรีเรามาตลอด และความตั้งใจที่จะส่งพลังบวกให้แฟน ๆ กับโลกใบนี้ก็ยิ่งทวีคูณขึ้นเรื่อย ๆ ครับ

ศิลปินหรือกระแสดนตรีใดที่มีอิทธิพลต่อเสียงของคุณมากที่สุด แล้วคุณนำอิทธิพลเหล่านั้นมาผสมกับสไตล์ของตัวเองอย่างไร

เราได้รับอิทธิพลจากหลากหลายแนวเลยครับ ไม่ว่าจะเป็น J-pop, อัลเทอร์เนทีฟร็อก, นิวเวฟ, ชูเกซ, โพสต์พังก์, แอมเบียนต์ ไปจนถึงนอยส์ร็อก วงที่เป็นแรงบันดาลใจหลักก็มีอย่าง The Smiths, The Cure, My Bloody Valentine, Sonic Youth, Radiohead และ Deftones เป็นต้น แต่เราไม่เคยคิดจะลอกเลียนแบบใครโดยตรงนะครับ เราแค่ปล่อยให้ไอเดียของเราไหลเข้าไปในเพลงอย่างเป็นธรรมชาติ เราไม่ได้สร้างเพลงเหมือนต่อโมเดล แต่มองว่ามันคือการวาดภาพบนผืนผ้าใบที่เปิดกว้าง วิธีนี้ทำให้ผมรู้สึกว่าทั้งหัวใจและร่างกายของเรากำลังสนุกไปกับมันจริง ๆ

อัลบั้มใหม่ของคุณ The NOVEMBERS (2023) ใช้ชื่อเดียวกับ EP แรกของวง ทำไมถึงเลือกใช้ชื่อนี้อีกครั้ง แล้วมันเชื่อมโยงกับการเดินทางของคุณอย่างไร

เวลาที่เราเลือกชื่อผลงาน เราจะอิงจากธีม, ข้อความ และภาพในหัวที่เราต้องการถ่ายทอด สำหรับอัลบั้มนี้ ธีมหลักคือวงดนตรีเองเลยครับ เราอยากสร้างผลงานที่พูดว่า “นี่คือตัวตนของเราในตอนนี้” การใช้ชื่อนี้ซ้ำอีกครั้ง มันเหมือนการปิดฉากหนึ่งบท และเปิดเรื่องราวบทใหม่ มันเป็นทั้งการมองย้อนกลับและการสะท้อนว่าเราคือใครในปัจจุบัน

หลังจากผ่านมา 20 ปี คุณมองว่า The NOVEMBERS อยู่ตรงไหนในวงการดนตรีอัลเทอร์เนทีฟและอินดี้ ทั้งในญี่ปุ่นและระดับสากล คุณอยากให้คนจดจำวงคุณแบบไหน

ผมรู้สึกว่าเราสามารถสร้างที่ยืนของตัวเองได้จากการยึดมั่นในสิ่งที่เราอยากถ่ายทอด โดยไม่วิ่งตามกระแส การได้รักษาสไตล์แบบ The NOVEMBERS ไว้ทั้งในญี่ปุ่นและต่างประเทศเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจมากครับ ผมหวังว่าผู้คนจะจดจำเราในฐานะวงที่สร้างดนตรีที่เข้าถึงหัวใจของพวกเขาได้อย่างลึกซึ้ง

การที่วงดนตรีจะอยู่ด้วยกันมาได้ถึง 20 ปีไม่ใช่เรื่องง่ายเลย คุณมีวิธีซัพพอร์ตกันและกันอย่างไรถึงยังทำดนตรีร่วมกันมาได้ยาวนานขนาดนี้

ในโลกที่ให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพและความคุ้มค่า การเป็นวงดนตรีอาจดูไม่ค่อยมีประโยชน์นัก แต่ผมเชื่อว่าการอยู่ในวงดนตรีสะท้อนแก่นแท้ของธรรมชาติของมนุษย์ในฐานะสิ่งมีชีวิตที่ต้องอยู่ร่วมกัน ชีวิตคือการออกนอกเส้นทางบ้าง เพื่อได้เห็นภูมิทัศน์ที่หลากหลายด้วยตาตัวเอง และผมคิดว่าการอยู่ในวงคือวิธีที่ดีที่สุดที่จะไม่พลาดอะไรแบบนั้น มันไม่ใช่เส้นทางที่ง่ายเลยครับ แต่ความเชื่อใจและความเคารพกันในหมู่สมาชิกคือพื้นฐานที่เรายึดถือไว้เสมอ ถึงแม้ชีวิตส่วนตัวและค่านิยมของแต่ละคนจะเปลี่ยนไป เราก็ยังเชื่อมโยงกันผ่านดนตรี และเราก็สร้างความสัมพันธ์ที่ไม่ว่าบางครั้งจะต้องเว้นระยะห่างกันบ้าง เราก็จะกลับมาหา The NOVEMBERS ได้เสมอ

คอนเสิร์ตแรกของคุณในไทยสร้างความประทับใจอย่างมาก คุณมีความทรงจำอะไรเกี่ยวกับโชว์ครั้งนั้นบ้าง แล้วคุณอยากให้โชว์ครั้งใหม่ที่ Blueprint Livehouse สานต่อความผูกพันนั้นอย่างไร

ไลฟ์ครั้งแรกในไทยเป็นอะไรที่พิเศษมากจริงๆ พลังงานและการตอบรับจากผู้ชมร้อนแรงมาก เรารู้สึกได้เลยว่าเสียงดนตรีของเราสามารถเข้าถึงพวกเขาได้แม้จะอยู่ในต่างแดน ความตื่นเต้นและความรู้สึกในช่วงเวลานั้นเป็นสิ่งที่ลืมไม่ลงเลยครับ ที่ Blueprint Livehouse ผมหวังว่าจะได้สานต่อความผูกพันนั้นกับแฟน ๆ ชาวไทยให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น และสร้างประสบการณ์ที่พิเศษร่วมกันอีกครั้งในคอนเสิร์ตนี้

ดูเหมือนว่าแฟนๆ ชาวไทยจะมีสายสัมพันธ์ลึกซึ้งกับดนตรีของคุณ การได้พบพวกเขาเป็นอย่างไรบ้าง แล้วพลังงานของพวกเขามีผลต่อการแสดงสดของคุณอย่างไร

แฟนชาวไทยมีความหลงใหลและเข้าถึงดนตรีของเราได้อย่างแท้จริง หนึ่งในช่วงเวลาที่ผมจดจำได้ดีที่สุดคือการได้จับมือกับแฟนๆ ที่รอเรามากว่า 10 ปีเพื่อจะได้เห็นพวกเราเล่นสด ความรู้สึกซาบซึ้งและความตื้นตันในตอนนั้นมันสุดยอดมากครับ พลังของพวกเขาเติมเต็มบรรยากาศของโชว์ได้อย่างแท้จริง และมันทำให้เราตอบกลับด้วยการทุ่มเทเต็มที่ในการแสดง ทุก ๆ การพบเจอช่วยกระชับสายสัมพันธ์ระหว่างเรากับแฟน ๆ มากขึ้น และทำให้เราได้ตระหนักถึงพลังที่แท้จริงของดนตรีอีกครั้ง

โชว์พิเศษแบบไหนที่คุณเตรียมไว้สำหรับแฟนๆ ที่ตั้งตารอคอนเสิร์ตในครั้งนี้

เราจัดเซ็ตลิสต์พิเศษขึ้นมาเพื่อตอบสนองความคาดหวังของแฟน ๆ โดยเฉพาะครับ เราจะผสมผสานเพลงเก่า ๆ ที่ชวนให้คิดถึงกับเพลงใหม่ ๆ เพื่อสร้างบรรยากาศที่เหนือกาลเวลา เราอยากมอบประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร เป็นโชว์ที่เมื่อแฟน ๆ มองย้อนกลับมาก็จะยังรู้สึกอบอุ่นในหัวใจครับ

คุณรู้สึกอย่างไรกับความแตกต่างของวัฒนธรรมคอนเสิร์ตระหว่างไทยกับญี่ปุ่น

การแสดงสดในไทยให้ความรู้สึกเปิดกว้างและเต็มไปด้วยพลัง ผู้ชมแสดงอารมณ์ออกมาอย่างอิสระและตรงไปตรงมา แน่นอนว่าแฟนชาวญี่ปุ่นก็มีความกระตือรือร้นไม่แพ้กัน แต่ในไทย การแสดงออกทางอารมณ์จะมาแบบไม่ทันตั้งตัวและเป็นธรรมชาติมากกว่า ซึ่งทำให้พลังระหว่างศิลปินกับผู้ชมมีความเฉพาะตัวมาก ๆ ส่วนในญี่ปุ่น วัฒนธรรมการดูคอนเสิร์ตจะมีระเบียบกว่า และแฟน ๆ มักจะตั้งใจฟังการแสดงอย่างจริงจัง ทั้งสองแบบมีความน่าทึ่งในแบบของตัวเองครับ

ในโอกาสที่ The NOVEMBERS กำลังจะครบรอบ 20 ปี คุณมองอนาคตของวงไว้ยังไงบ้าง มีแนวทางใหม่ๆ หรือโปรเจกต์ที่คุณอยากลองทำบ้างไหม

พวกเราตื่นเต้นที่จะได้ท้าทายตัวเองต่อไปในอนาคตครับ เราอยากทดลองกับเสียงที่แปลกใหม่มากยิ่งขึ้น และอยากร่วมงานกับศิลปินคนอื่นๆ ด้วย ผมเองก็หวังว่าจะได้ลองรูปแบบการแสดงออกทางดนตรีใหม่ ๆ ที่เรายังไม่เคยสำรวจมาก่อน พวกเรามองหาความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ อยู่เสมอ เพื่อให้ดนตรีของเราเติบโตต่อไปไม่หยุดนิ่ง

คุณมีคำแนะนำอะไรสำหรับวงดนตรีญี่ปุ่นที่อยากมาแสดงและขยายฐานแฟนในประเทศไทยบ้าง

สิ่งสำคัญคือการเข้าใจว่าเพลงของคุณเข้าถึงใคร แฟนชาวไทยเป็นคนที่มีพลังมากและรักดนตรีจากหัวใจ เพราะงั้นการสร้างความเชื่อมโยงกับพวกเขาเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ใช่แค่เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการแสดงสดเท่านั้น แต่การเข้าใจและให้ความเคารพต่อวัฒนธรรมท้องถิ่นก็สำคัญไม่แพ้กันครับ

สุดท้ายนี้ อยากฝากอะไรถึงแฟน ๆ ชาวไทยบ้าง

ขอบคุณมาก ๆ สำหรับการสนับสนุนของพวกคุณเสมอมา พวกเราตื่นเต้นมากที่จะได้เจอกันในโชว์ครั้งหน้า และรู้สึกดีใจมากที่ได้สร้างดนตรีร่วมกับพวกคุณ ขอบคุณครับ แล้วเจอกันอีกในอนาคตที่สดใสนะครับ

---

The NOVEMBERS Live in Bangkok 2025 การกลับมาอีกครั้งของสุดยอดวงร็อกจากญี่ปุ่น ที่จะมาระเบิดความมันแบบเต็มพิกัดด้วยดนตรีอันเร้าร้อนแผดเผาอะดีนารีนของทุกคนให้มอดไหม้ พร้อมขับกล่อมทุกคนด้วยเสียงคำรามจากสรวงสวรรค์ เตรียมตัวพบกับเซ็ตลิสต์สุดพิเศษที่จัดมาเพื่อแฟนชาวไทยโดยเฉพาะ ไปเจอกันให้ได้ในวันเสาร์ที่ 31 พฤษภาคม ที่ Blueprint Livehouse บัตรราคา 500 บาทเท่านั้น จับจองได้เลยที่ Ticketmelon