temp. วงป็อป 5 ชิ้นที่โดดเด่นด้วยดนตรีสดใสและเครื่องเป่าที่เร้าใจ พวกเขาประกาศอัลบั้มใหม่อันดับที่ 3 อย่างเป็นทางการในชื่อว่า Patina หลังจากที่สองอัลบั้มก่อนหน้านี้อย่าง Sweet As Honey และ Hibiscus พาเราเดินทางผ่านช่วงเวลาหวานชื่นของความรัก ทั้งความรู้สึกฟุ้งฝันของการตกหลุมรัก และความคาดหวังแสนอบอุ่นในการรอใครสักคนอย่างมีความหวัง
อัลบั้มนี้กลับเลือกจะหักมุมสู่แนวคิดที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง ด้วยบทสรุปที่เต็มไปด้วยร่องรอยของความทรงจำ ความเจ็บปวด และการจากลา อัลบั้มนี้มันกระชากเรากลับมาสู่ความจริงของความสัมพันธ์ เมื่อรักที่เคยงดงามเต็มเปี่ยมเริ่มจางลง เหลือไว้เพียงความเหงาที่เกาะติดอยู่ในใจอย่างเงียบงัน

น็อต—วรงค์ ราชปรีชา มือเบสของวง อธิบายไว้ในโพสต์ส่วนตัวบน Facebook เกี่ยวกับที่มาของชื่ออัลบั้มนี้ว่า Patina (แพทิน่า) มันคือชั้นของออกไซด์ที่เกิดขึ้นกับทองเหลืองหรือทองแดงเมื่อสัมผัสกับออกซิเจน, ความชื้น หรือคาร์บอนไดออกไซด์ หลังจากผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างเนิ่นนานผิวของมันก็จะถูกเคลือบด้วยสีเขียวบาง ๆ กลายเป็นชั้นบาง ๆ ที่คอยปกป้องผิวข้างใต้ของมันทนทานขึ้น และถูกกัดกร่อนช้าลง
ถ้าทองแดงคือหัวใจของเรา และออกซิเจนคือความรักซึ่งหลายคนคิดว่าเป็นสิ่งที่เราขาดไม่ได้ในชีวิต เมื่อหัวใจต้องเผชิญกับเรื่องราวมากมาย ทั้งเจ็บ ทั้งผิดหวัง เราก็จะค่อย ๆ สร้างชั้นบาง ๆ ขึ้นมาเพื่อห่อหุ้มความรู้สึกเหล่านั้นไว้ ไม่ให้เราแตกสลายง่าย ๆ กับแรงกระแทกที่ผ่านเข้ามา และเมื่อเวลาผ่านไป สิ่งที่หลงเหลืออยู่ก็คือร่องรอยที่สวยงาม เสมือนประติมากรรมชีวิตที่บอกเล่าว่าเราผ่านอะไรมาแล้วบ้างในความรัก ถึงจะมีร่องรอยมากมายแค่ไหน แต่ทุกคนล้วนกลายเป็นความงามในแบบของมันเองตามประสบการณ์ความรักที่พวกเขาผ่านมา
เนื้อหาใน Patina เองก็ดูจะสะท้อนวัยที่เติบโตขึ้นของสมาชิกวง temp. ได้อย่างชัดเจน วัยที่ไม่ได้มีแค่ความรักที่ฟุ้งฝันหรือความหวังอีกต่อไป แต่เต็มไปด้วยบทเรียน ความผิดหวัง และการยอมรับในสิ่งที่อาจไม่ได้เป็นไปตามใจคิด คนที่ติดตามและเติบโตมากับวงน่าจะเข้าใจความเปลี่ยนแปลงนี้ได้ไม่ยาก ด้วยภาพสมาชิกที่ตั้งตระง่านอยู่กลางสวนญี่ปุ่น ราวกับพวกเขาเป็นประติมากรรมทองแดงซึ่งมีคราบสีเขียวดั่งกล่าวเคลือบอยู่ทั่วร่าง พวกเขาถูกฝังอยู่ในสวนหินเซนที่ขีดเส้นเป็นวงกลมรอบตัวเหมือนการเคลื่อนไหวของเวลา นิ่งเงียบ ค่อย ๆ กัดเซาะทุกอย่างไปช้า ๆ ยอมจำนนต่อทุกสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ในชีวิต
ฝั่งดนตรีเอง temp. ยังรักษาเอกลักษณ์ของดนตรีป็อปในแบบฉบับของตัวเองไว้อย่างละมุนละไม แต่สิ่งที่เพิ่มเข้ามาอย่างเด่นชัด คือความหนักแน่นในไลน์กีตาร์ที่หนักหน่วงและแพรวพราวขึ้น และการลดทอนความเป็น tropical pop ที่เคยชวนให้นึกถึงฤดูร้อนสดใส อะไรที่เคยฟังแล้วรู้สึกว่าโลกมันช่างเบาสบาย ถูกแทนที่ด้วยอารมณ์ที่หนักขึ้น และจริงจนขม ทั้งในแง่ของซาวด์และการเรียบเรียงที่มีลูกเล่นมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
THE ART OF LETTING GO คือเพลงที่ส่วนตัวชอบที่สุดในอัลบั้มแล้ว ตั้งแต่ตอนที่ปล่อยออกมาเป็นซิงเกิล เสียงกีตาร์โปร่งนุ่ม ๆ ในอินโทรที่เหมือนตบบ่าเราเบา ๆ ก่อนจะบีบนวดเราด้วยกีตาร์และเสียงร้องอบอุ่นของพี่นิกที่มันจี้ใจดำเราอย่างน่าประหลาด หรือจะเสียงเบสหนึบ ๆ ในท่อนก่อนฮุก ทำให้ท่อนฮุกมันระรานใจไปด้วยองค์ประกอบของความเศร้าเต็มไปหมด จนไม่เหลือช่องว่างให้เราสะอื้น
แต่วงก็ยังมีเพลงสนุก ๆ ที่ให้กลิ่นอายของอัลบั้มเก่า ๆ ไว้ในเพลงอย่าง MY ALL TIME FAVOURITE HEARTBREAKING MOMENT ที่เหมือนเพลงแอบรักสุดอบอุ่นหัวใจ แต่กลับซ่อนความ ฮือ ๆ อยู่ข้างในเบา ๆ ไม่ให้ใครรู้ ซึ่งเคลือบด้วยเสียงเครื่องเป่าชวนน้อยใจและเสียงคอรัสที่เหมือนตอกย้ำความเจ็บใจนี้ในท่อนฮุก รวมถึง THE ONLY THING I HATE ABOUT YOU และ WHAT A PERFECT SEASON TO CRY ที่เนื้อหาไม่ค่อยหนีจากกัน เล่าถึงรักที่ไม่สมหวังไว้อย่างหนักหน่วง ซึ่งต้องกดเก็บไว้ใต้รอยยิ้มบาง ๆ
และอีกสองเพลงที่โบยตีเราอย่างหนักหน่วงกับเมโลดี้เศร้า ๆ ของ SOMEONE’S GONNA END UP CRYING ที่หลอกล่อเราด้วยเปียโน ก่อนจะเค้นจังหวะเหงา ๆ ออกมาด้วย เติมด้วยคอรัสให้มันสะเทือนใจขึ้นอีก และแน่นอน กับ BEAUTIFUL DISASTER ที่เราสัมผัสได้ถึงดนตรีที่หนักหน่วงขึ้นกับฮุกและโซโล่ที่โชว์เสียงกีตาร์ครางต่ำจนเราหวั่นไหว เป็นอีกเพลงที่ได้รสชาติใหม่ ๆ จากวงอย่างน่าทึ่ง
ในแทร็กสุดท้ายอย่าง PATINA FINISH ซึ่งได้ เบนซ์—ธนชาติ ช่วยสร้างนิยามใหม่ให้กับอัลบั้มนี้ได้แตกต่าง ความเศร้าที่ผ่านมาอาจจะไม่ใช่เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ อย่างเดียว ที่แต่มันยังเหมารวมถึงความรักในสิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ spoken word ท่ามกลางเสียงบันลาดป็อปชวนล่องลอย ขยี้เราด้วยคำให้กำลังใจสำเร็จรูปพร้อมฟังได้ทุกเพศทุกวัยให้ยังทำในสิ่งที่เชื่อต่อไป ดนตรีที่บีบเค้นอารมณ์ในจังหวะสุดท้ายนั้น ปิดอัลบั้มนี้ไปได้อย่างส่วนงาม
Patina คือหลักฐานของการเปลี่ยนผ่านทั้งของ temp. ในฐานะศิลปิน และของผู้ฟังที่เติบโตไปพร้อมกัน เป็นอัลบั้มที่กล้าพูดถึงรอยช้ำหลังจากความรักผ่านพ้นไปแล้ว กล้าจะยอมรับความเหนื่อยล้า ความผิดหวัง และความจริงที่บางครั้งก็ไม่สวยงามเท่าเพลงที่เราเคยฟังจากพวกเขา
temp. อาจจะไม่ได้สดใสเหมือนเดิม แต่พวกเขาไม่สูญเสียความละมุนที่พวกเรารักไป และส่งต่อความรู้สึกที่เข้าใจพวกเราด้วยความละเอียดอ่อนกว่าเดิม ดนตรีที่เคยชวนยิ้มกลายเป็นเสียงปลอบประโลม และบางครั้งก็เหมือนตบเบา ๆ ให้เรายอมรับว่ามันโอเคที่จะเศร้า
สามารถไปฟังอัลบั้ม Patina บนสตรีมมิ่งที่ทุกคนถนัดได้แล้ววันนี้
อ่านต่อ
origami SAI 2024 Live in Bangkok เต็มอิ่มสองวันกับซาวด์อันเป็นเอกลักษณ์จากญี่ปุ่น

ชอบไปคอนเสิร์ตเพราะเป็นกิจกรรมที่ทำคนเดียวได้ และยังชอบแนะนำวงดนตรีใหม่ ๆ ผ่านตัวอักษรตลอดเวลา