Ryuichi Sakamoto | Opus นมัสการสุดท้ายขอมอบให้ทุกคนที่ยังรักในเสียงดนตรี

by McKee
778 views
Ryuichi Sakamoto Opus Merry Christmas Mr. Lawrence The Last Emperor Doc Club House Samyan

ผ่านไปหนึ่งปีพอดี กับการจากไปของคีตกวีคนสำคัญของวงการดนตรีแห่งยุคอย่าง Ryuichi Sakamoto (ริวอิจิ ซากาโมโต) เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2023 ซึ่งทั่วโลกก็ตอบรับและพร้อมใจกันไว้อาลัยให้กับการสูญเสียครั้งนี้ ซึ่งเราเองก็เสียใจจนถึงกับส่งบทความ “Art is long, life is short.” จดหมายเปิดผนึกถึงคนที่ยังไม่ได้รู้จักหรือฟังเพลงของ Ryuichi Sakamoto ออกมาอย่างรวดเร็วเพื่อระบายความเสียใจของตัวเอง

แต่หลังจากนั้นไม่นาน การมาถึงของหนังเรื่อง Ryuichi Sakamoto | Opus ก็ต้องทำให้ทุกคนต้องทึ่ง กับภาพยนตร์คอนเสิร์ตที่บันทึกโชว์เดี่ยวเปียโนครั้งสุดท้ายของ Sakamoto เอาไว้ แม้วาระสุดท้ายเขาก็ยังเลือกที่จะทิ้งบางสิ่งที่เขารักที่สุดในชีวิตเอาไว้ให้กับโลกใบนี้

เราได้ดูเรื่องนี้ตอนงาน Japanese Film Festival 2024 ที่ผ่านมา บอกเลยว่านี่อาจจะไม่ใช่การแสดงที่ดีที่สุดของ Sakamoto แต่เขาก็ยังทำมันอย่างเต็มที่ด้วยร่างกายที่กำลังโรยรา ด้วยความตั้งใจที่อยากจะถ่ายทอดสิ่งที่เขารักจริง ๆ ออกมา จนเราสัมผัสได้และต้องเสียน้ำตาในเพลงท้าย ๆ ของโชว์

ตอนนี้ Documentary Club นำเข้ามาฉายแล้วทั้งที่ Doc Club และ House Samyan ถ้าคุณรัก Ryuichi Sakamoto คุณจะไม่พลาดหนังเรื่องนี้แน่นอน แต่เราอยากพูดถึงเบื้องหลังว่าทำไมมันถึงเป็นอีกโชว์ที่พิเศษสุด ๆ จนไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

หกเดือนก่อนที่เขาจะเสียชีวิต กลางเดือนกันยายน 2023 ตัว Sakamoto เองที่รู้ว่าความตายกำลังจะมาถึงไม่ช้าก็เร็ว ร่างกายที่ทัวร์คอนเสิร์ตไม่ไหวอีกต่อไป อย่าว่าแต่กลับไปขึ้นเวทีอีกครั้งเลย เขาจึงตัดสินที่จะแสดงคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายก่อนที่จะจากไป โดยขอความช่วยเหลือจาก Neo Sora ลูกชายของเขาที่กำลังเตรียมตัวถ่ายหนังยาวเดบิวของตัวเอง และด้วยคำขออีกแรงจาก Norika Sora ผู้จัดการตลอดชีวิต และคู่ชีวิตของ Sakamoto แต่ยังไงครอบครัวก็ต้องมาก่อน

ทุกคนอาจคาดหวังว่าคอนเสิร์ตสุดท้ายของศิลปินระดับโลกอย่าง Ryuichi Sakamoto จะต้องหวือหวา จัดเต็มทั้งแสงสีเสียง อลังการณ์และยิ่งใหญ่ไม่เป็นรองใคร แต่สิ่งที่เราได้ดูในหนังเรื่องนี้มันกลับเรียบง่ายและอ่อนโยนอย่างน่าประหลาด มีแค่เขากับแกรนด์เปียโนตัวหนึ่ง พร้อมดวงไฟไม่กี่ดวง และทีมงานอีกสามสิบชีวิตที่ซ่อนอยู่หลังกล้องในสตูดิโอ NHK Broadcasting Center’s 509 ซึ่ง Sakamoto คิดว่าเป็นสตูดิโอที่มีอะคูสติกดีที่สุดในญี่ปุ่น และถ่ายทำด้วยเทคโนโลยีทุกอย่างที่โลกนี้มี พร้อมทีมงานหนังและทีมดนตรีจากทั่วโลกที่มาช่วยถ่ายโชว์สุดท้ายนี้

Sakamoto ต้องเลือก 20 เพลง ที่ครอบคลุมการทำงานตลอด 5 ทศวรรษของเขาไว้ ตั้งแต่ป๊อปชุ่มชื่นใจ สกอร์หนังที่ทุกคนตกหลุมรัก ไปจนถึงงานแอมเบียนและงานทดลองสุดขีดที่ท้าทายคนฟัง การทำงานเป็นไปอย่างเชื่องช้า ด้วยสุขภาพของ Ryuichi เอง และความมืออาชีพของ Sora ที่เขียนชูตติ้งบอร์ดแบบมืออาชีพ การออกแบบแสงและเงาอย่างปราณีตและตารางการถ่ายที่ค่อนข้างเข้มงวด เพื่อไม่ให้กระทบขีดจำกัดร่างกายของ Sakamoto ในช่วงนั้นด้วย ทำให้วันหนึ่ง Sakamoto จะอัดได้แค่ 2-3 เพลงเท่านั้น

Sora ให้สัมภาษณ์ตามมาทีหลังว่า หลาย ๆ เพลงที่พ่อของเขาเล่นไม่ได้ดีเหมือนเดิม อาจเพราะว่าผลข้างเคียงของยาที่ใช้ประคองอาการของเขา แต่ Sakamoto ก็ได้พูดหลังจากที่ถ่ายจบว่า นี่คือโชว์ที่เขาพอใจมาก ๆ แล้วด้วยร่างกายของเขาตอนนั้น ซึ่งเขาเองก็รู้สึกใจหายเหมือนกันที่นี่อาจจะเป็นโชว์สุดท้ายของเขาแล้วจริง ๆ

อย่างที่บอกไว้ตอนต้น นี่คือภาพยนตร์คอนเสิร์ตขาวดำที่เป็นการโชว์เดี่ยวเปียโนที่ตัดสลับมุมกล้องไปมา โดยใช้สเปซของความสว่างและความมืดมาช่วยเล่าเรื่อง การมีอยู่และการไม่มีอยู่ของ Sakamoto ในแต่ละช่วงของหนังก็สื่อสารอะไรบางอย่างได้มากมาย หนังพยายามตัดทอนทุกอย่างที่ไม่จำเป็นเพื่อให้ทุกคนได้โฟกัสกับโชว์ของ Sakamoto เท่านั้น ทำให้ถ้าไม่ได้รู้จักทุกเพลงในหนังอาจมีโอกาสทำให้หลุดไปบ้าง แต่พอได้ฟังเพลงที่ชอบแล้วก็ชวนตื่นตันใจสุดขีด

เพลงที่เลือกมาก็ล้วนเลือกมาจากหลาย ๆ ช่วงชีวิตของเขา หลายเพลงคือลับแลมาก ๆ ไม่มีโอกาสได้ชมในคอนเสิร์ตทั่วไป ซึ่งถูกนำมาเรียบเรียงใหม่ให้กลายเป็นเปียโนอีกที

เพลงส่วนใหญ่ถูกหยิบมาจากโชว์ Playing the Piano 12122020 ซึ่งขายตั๋วออนไลน์ให้คนเข้าชมช่วงโรคระบาด ประกอบด้วยหลายเพลงดังที่เขาเคยเรียบเรียงเป็นเปียโนไว้แล้วอย่าง Andata, Aubade และ Aqua แต่เราแอบกรี๊ดในใจตอนเขาเล่น tong poo จากอัลบั้ม BTTB ที่ทดลองสุด ๆ แถมยังมีเพลงประกอบหนัง Tony Takitani ที่อาจจะไม่ได้โด่งดังในหมู่นักดูหนังฝั่งไทย แต่เอามาเรียบเรียงในโชว์นี้ได้อย่างงดงามมาก

สามเพลงสุดท้ายคือเมดเล่ย์ที่เราดีใจที่สุด ทั้ง The Last Emperor, Triloon 1, Happy End และปิดท้ายด้วยเพลงฮิตตลอดกาลอย่าง Merry Christmas Mr. Lawrence ไม่แน่ใจว่าเขาถ่ายทั้ง 4 เพลงนี้ในวันเดียวกันรึเปล่า แต่การที่ได้เห็นโชว์ค่อย ๆ บีบคันทางดนตรีขึ้นเรื่อย ๆ จนถึง Mr. Lawrence ที่เราเห็นชัดเลยว่า Sakamoto ทั้งเหนื่อยและดูเจ็บปวดในการกดและคีย์ลงไป เราก็ห้ามน้ำตาตัวไม่ไหวจริง ๆ

โดยเฉพาะ end credit ที่เป็นเพลง Opus ที่เปียโนถูกตั้งไว้โดยที่ไม่มี Ryuichi Sakamoto อีกแล้ว มันทำให้เราใจหายอย่างบอกไม่ถูก และหลังจากนั้นการกลับไปฟัง Merry Christmas Mr. Lawrence อีกกี่ครั้งก็ไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป

หลังหนังจบ ก็ไม่พ้นที่จะต้องขึ้นข้อความที่ Sakamoto ทิ้งไว้ให้ทุกคนอย่าง “Art is long, life is short.” ซึ่งตอกย้ำถึงความสำคัญของหนังเรื่องนี้อย่างรุนแรง ด้วยความเชื่อที่ว่าคนที่จากไปแล้วจะยังคงวนเวียนอยู่รอบตัวเราจนกว่าวันที่ทุกคนจะลืมเขาไป ทำให้เราเชื่อว่า Ryuichi Sakamoto จะต้องอยู่เคียงข้างคนที่เขารักไปตลอดกาล เพราะผลงานของเขาจะทำให้คนฟังเพลงทุกรุ่นจะยังคงทึ่งในความสามารถของเขาตลอดไป เหมือนที่เราจะกลับไปดู Opus อีกรอบที่ Doc Club ให้ได้

Ryuichi Sakamoto | Opus ฉายแล้ววันนี้ที่ Doc Club และ House Samyan

Ryuichi Sakamoto Opus Merry Christmas Mr. Lawrence The Last Emperor Doc Club House Samyan

Related Articles

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More

Privacy & Cookies Policy