Charley Patton ศิลปินเดลตาบลูส์กับการถูกกล่าวถึงอย่างแยบยลในภาพยนตร์ ‘Sinners’

by Nattha.C
272 views
Sinners film refer to Charley Patton, The Father of Delta Blues

ท่ามกลางบรรดารายชื่อภาพยนตร์และสารคดีที่เกี่ยวกับดนตรีที่มีเข้าไทยในปีนี้ นอกเหนือเรื่อง A Complete Unknown (2024) อันว่าด้วยเรื่องราวของ บ๊อบ ดีแลน ศิลปินโฟล์กระดับตำนานไปแล้ว ปีนี้ก็ได้มีหนังยาวลำดับล่าสุดที่เราเชื่อว่าต้องติดลิสต์หนังดีของใครหลายคนอย่าง Sinners (2025) ของผู้กำกับ Ryan Coogler แถมด้วยสกอร์จากคอมโพสเซอร์หนุ่ม Ludwig Göransson ที่นอนรางวัลแน่ ๆ โดยไม่มีเพียงการปรากฏตัวของนักแสดง นักดนตรี และคนมีชื่อเสียงเท่านั้น แต่ยังกล่าวถึง Charley Patton อีกหนึ่งศิลปินเดลตาบลูส์ที่ประวัติศาสตร์เคยจารึกไว้อีกด้วย

*บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของภาพยนตร์*

© Tim P. Whitby / Getty Images

ไรอัน คูเกลอร์ เป็นผู้กำกับเป็นที่ใครหลายคนอาจรู้จักเขาผ่านหนัง Fruitvale Station (2013), Creed (2015), Black Panther (2018), Black Panther: Wakanda Forever (2022) และอย่างที่เราทราบกันดีว่าคูเกลอร์มักจะพ่วงนักแสดงคู่บุญหรือเพื่อนรักอย่าง Michael B. Jordan มารับทั้งบทเอกและบทรองตลอด โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ จอร์แดนก็ได้กลับมารับบทฝาแฝด Smoke-Stack อีกด้วย

สำหรับพี่น้องสโมคและสแตก พวกเขาถือเป็นตัวละครที่มีบทบาทอย่างมากในพาร์ทการดำเนินเรื่อง แต่ยังมีอีกหนึ่งตัวละครหลักที่สำคัญไม่แพ้กันคือ Miles Caton ผู้รับบทเป็น Sammie Moore ลูกชายของนักบวชที่อาศัยอยู่ในชนบทแห่งหนึ่ง ณ รัฐมิสซิสซิปปี สหรัฐฯ ท่ามกลางวิถีชีวิตของคนดำชนชั้นล่างที่ทำงานไร่ฝ้าย และยังตกอยู่ภายใต้กฏหมายเหยียดผิวของจิมโครว์ ในช่วงยุค 1930s ซึ่งคูเกลอร์ได้หยิบเรื่องราวของ Robert Johnson ศิลปินชาวแอฟริกัน-อเมริกัน ผู้ได้รับการขนานนามว่าเป็น “ราชันย์แห่งเดลตาบลูส์” และมาพร้อมกับตำนานเล่าขานว่า เขาขายวิญญาณให้แก่ซาตาน (Deal with the Devil) เพื่อแลกกับความสามารถทางดนตรี มาใส่ในตัวละครนี้

หากใครเคยอ่านเรื่องราวของ โรเบิร์ต จอห์นสัน มาก่อนจะสังเกตได้ว่า เกือบทุกแง่มุมของตัวละคร แซมมี่ มัวร์ นั้นถูกหยิบยกมาจากประวัติเบื้องลึกของเขา ทั้งการเป็นเด็กบ้านนอกที่เติบโตในชนชั้นแรงงาน ด้วยความรักที่มีต่อดนตรี เวลาส่วนตัวที่หลงเหลือเขาก็ใช้ไปกับการฝึกฝนเพลงบลูส์ จนได้รับโอกาสให้ไปบรรเลงที่บาร์แห่งหนึ่ง เพียงแต่แซมมี่ไม่ได้ขายวิญญาณให้แก่ซาตาน หรือไปยืนรอที่จุดตัดระหว่างถนนไฮเวย์เพื่อให้ปาฏิหาริย์เกิด ทว่า โอกาสต่าง ๆ ที่แซมมี่ได้รับล้วนมาจากฝีมือการร้องเล่นของเขาเอง แม้ตัวเรื่องจะไม่ได้มีฉากที่แสดงถึงการฝึกซ้อมแบบเอาเป็นเอาตาย ยกเว้นด้าน ไมลส์ คาตัน นักแสดงหนุ่มที่รับบท หรือกระทั่งตัวโรเบิร์ต จอห์นสันเอง ต่างคนต่างก็ทุ่มเทให้กับสิ่งที่เขาหลงใหล แม้ว่ามันจะแลกมาด้วยเวลา ชื่อเสียง และการถูกยอมรับหรือไม่ก็ตาม

โรเบิร์ต จอหน์สัน (Robert Johnson)

แต่สถานบันเทิงเล็ก ๆ ของสองพี่น้องฝาแฝดอย่าง Juke Joint Bar สามารถมอบให้สิ่งนี้ให้กับพวกเขาทุกคนได้ คืนก่อนที่แซมมี่จะได้รับดีลพิเศษ และเนื้อเรื่องจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ (ที่แน่นอนว่าหนังไม่ได้ถูกจัดเป็นฌองร์มิวสิคคัลตั้งแต่แรก) มีสิ่งหนึ่งที่ถ้าไม่ใช่เนิร์ดเกียร์หรือคนดูที่จดจำแม่นทุกรายละเอียด ก็อาจมองข้ามไปคือไดอะล็อกที่เล่าถึงที่มาที่ไปของกีตาร์ โดยมีการกล่าวถึงบิดาแห่งเดลตาบลูส์อีกคนอย่าง Charley Patton ศิลปินที่มีพื้นเพคล้ายคลึงกับตัวละครในหนัง เพราะว่ากันว่าเขามีทั้งเชื้อสายคนดำ คนขาว และชนพื้นเมือง

เขาประสบความสำเร็จเล็ก ๆ ในฐานะศิลปินที่ได้บันทึกเสียงจริงจัง และโด่งดังด้วยโชว์สไตล์การเล่นที่ยังไม่แพร่หลายเป็นวงกว้างในยุคนั้น เช่น การยกกีตาร์ไปด้านหลังหัวเพื่อเล่นแบบไม่มองคอร์ด บทเพลงของชาร์ลี แพตตัน (Charley Patton) ได้รับการอธิบายว่าเป็นผลงานที่เรียบเรียงออกมาอย่างกลมกล่อม จากอิทธิพลของเพลงบัลลาดในศตวรรษที่ 19 และดนตรีบลูส์ที่สื่อถือพลังแห่งความเท่าเทียมระหว่างคนขาวกับคนดำ ซึ่งสะท้อนถึงการเดินทาง ความยากลำบากที่ชาวแอฟริกัน-อเมริกันต้องเผชิญ และการเสาะแสวงหาชีวิตที่ดีกว่า

นี่จึงเป็นเหตุผลที่ส่วนตัวเราคิดว่า ทำไมคูเกลอร์อ้างอิงถึง ชาร์ลี แพตตัน ในลักษณะของการรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน แม้เขาเลือกที่จะสื่อสารผ่านเรื่องราวจากไดอะล็อกสั้น ๆ เพียงไม่กี่พารากราฟเพื่อเล่าที่มาที่ไปของกีตาร์ที่พระเอกใช้ในหนังเพียงเท่านั้น

อย่างเพลง ‘Moon Going Down’ ถ้านำมาเชื่อมโยงกับ Cycle ของมนุษย์ ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ไปจนถึงเหนือธรรมชาติแบบตำนานของแวมไพร์ในภาพยนตร์เรื่องนี้ เราก็จะพบว่าสัญลักษณ์ของ “พระจันทร์” มันมีความเกี่ยวข้องกันระหว่างความเป็น-ความตาย และการเกิดใหม่อีกครั้ง หรือในอีกนัยยะหนึ่ง มันก็ยังสื่อสารถึง ความโศกเศร้า การสูญเสีย และจุดสิ้นสุดของอะไรสักอย่างเมื่อแสงจันทร์ลับไป

Sammie Moore and his beloved Charley Patton's guitar
แซมมี่ มัวร์ (Sammie Moore) รับบทโดย ไมลส์ คาตัน (Miles Caton)

โดยกีตาร์ตัวที่ว่าคือ Resonator Guitar (รุ่น 1932 Dobro Cyclops) เรโซเนเตอร์เป็นโมเดลกีตาร์ที่ถูกพัฒนาขึ้นในช่วงยุค 1920s ที่สโมคและสแตกได้มอบให้พระเอกเป็นของขวัญ ซึ่งแฝดน้องเคยหลอกเขาไว้ว่า กีตาร์ตัวนี้เป็นอาวุธคู่ใจของศิลปินเดลตาบลูส์ระดับตำนานอย่างชาร์ลี แพตตัน ทำให้พระเอกรักกีตาร์ตัวนี้อย่างสุดหัวใจ แต่จริง ๆ แล้วมันถูกส่งต่อมาจากพ่อของพวกเขาที่เสียชีวิตไปแล้วต่างหาก

อย่างไรก็ตาม คุณค่าทางจิตใจที่เขามีต่อกีตาร์ตัวนี้ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างใด เมื่อมันได้ทำหน้าที่บรรเลงเสียงดนตรีที่หลอมรวมทุกคนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ยิ่งทำให้สิ่งที่พิเศษมาก ๆ สำหรับเราในฐานะผู้ชม คือการได้ท่องโลก ชมวัฒนธรรม เรียนรู้ประวัติศาสตร์ดนตรี อาทิ ดนตรีบลูส์, โฟล์ก, คันทรี่, ร็อกแอนด์โรล, ฮิปฮอป, ดนตรีชนเผ่าพื้นเมืองของชาวแอฟริกัน, กอสเปล, โอเปร่า และวิถีชีวิตที่สื่อสารออกมาอย่างมีจิตวิญญาณ ซึ่งไม่ได้จำกัดเฉพาะแค่เรื่องราวของคนดำ แต่ยังรวมไปถึงการถูกมองเป็นอื่นของชาวไอริช และคนจีนในเรื่องนี้ด้วย

+ posts

แบม นักเขียนน้องเล็กที่ชอบอ่านหนังสือและฟังเพลงในเวลาเดียวกัน ปัจจุบันกลับมาทำเพจ Listenist

Related Articles

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More

Privacy & Cookies Policy