LUCfest 2023 วันที่สอง กับกองทัพศิลปินไทยที่ไปเฉิดฉายที่ไต้หวัน

by McKee and Nattha.C
303 views
LUCfest, 2023, Tainan, Taiwan, Taiwan Beats, Numcha, Home, Iruku Polisi, Fayehong, Valentina Ploy, Puzzleman, Queen Suitcase, Wadfah, WUTU, Two Pills After Meal, Hao Ting Huang, ichiko aoba, Sorry Youth

ลุยกันต่อกับวันที่ 2 ของงาน LUCfest 2023 ที่จัดขึ้นในเมืองไถหนาน ไต้หวัน เพื่อปลุกกระแสดนตรีในเอเชียให้ทั่วโลกได้รับรู้ว่าในแถบนี้ก็มีดนตรีที่เจ๋งไม่แพ้ตะวันตกและยุโรปเหมือนกัน โดยวันที่สองนี้นักเขียนของเราก็สู้ชีวิตสุด ๆ แต่หายเหนื่อยเลยพอได้ดูโชว์เจ๋ง ๆ จากศิลปินไทยแบบจุก ๆ ถึง 4 วง และแน่นอนว่าต้องมีศิลปินไต้หวันและชาติอื่น ๆ ที่น่าสนใจด้วย บอกเลยว่าวันนี้อ่านกันให้จุใจแน่นอน

อ่านต่อ LUCfest 2023 วันแรก ลุยไถหนาน เก็บวงเจ๋ง ๆ พร้อมไปเชียร์ LEPYUTIN ติดขอบเวที

LUCfest, 2023, Tainan, Taiwan, Taiwan Beats, Numcha, Home, Iruku Polisi, Fayehong, Valentina Ploy, Puzzleman, Queen Suitcase, Wadfah, WUTU, Two Pills After Meal, Hao Ting Huang, ichiko aoba, Sorry Youth

คนแน่นเต็มเวที Tainan Art Musuem ตั้งแต่เช้า เพราะ Numcha จะมาโชว์เปิดเวทีเป็นคนแรก พอเสียงซินธ์หวาน ๆ เด้งขึ้นมาและน้ำชาเดินขึ้นมาก็เรียกเสียงกรี๊ดดังลั่นฮอลได้ทันที น้ำชาก็เต็มที่กับโชว์สุด ๆ ด้วยการหยิบเพลงจาก EP ใหม่มาสนุกกัน ทั้ง afterglow, power blue และ floor ที่ได้ Yachu นักเต้นที่เคยร่วมงานกับวง Murky Ghost เพื่อนชาวไต้หวันของน้ำชาขึ้นมาเต้นคอนเทมโพรารี่ประกอบเพลงได้อย่างสวยงาม

รวมถึงเพลงจากอัลบั้มเต็มทั้ง Scenario, Keep Cold และ In My White Dress มาให้คนไต้หวันโดดกัน ซึ่งหลายคนก็ร้องเพลงตามน้ำชาได้ด้วยซ้ำ แต่ไฮไลท์ของโชว์ครั้งนี้ คือการเชิญ Oh Juhwan แห่ง ADOY ขึ้นมาร้องเพลง Lemon ในเวอร์ชั่นของ NUMCHA เองที่อยู่ใน EP us ซึ่งเป็นภาพที่น่าประทับใจสุด ๆ โชว์นี้หาดูไม่ง่ายแน่นอน

LUCfest, 2023, Tainan, Taiwan, Taiwan Beats, Numcha, Home, Iruku Polisi, Fayehong, Valentina Ploy, Puzzleman, Queen Suitcase, Wadfah, WUTU, Two Pills After Meal, Hao Ting Huang, ichiko aoba, Sorry Youth

อีกหนึ่งตัวจี๊ดในงานนี้ Home (JP) พวกเขาคือทรีโอ้จากโอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น มาพร้อมกับคอมกับเครื่องทำลูป 1 ตัวและกีตาร์ พร้อม vibe อันโดดเด่นของสมาชิกทั้งสามวง โดยใช้ลูปกลองเพื่อสร้างจังหวะมัน ๆ แล้วกีตาร์ก็ค่อย ๆ ระบายคอร์ดเท่ ๆ ลงไป โดยมีนักร้องนำถ่ายทอดด้วยเสียงร้องอันดุดันลงไป ซึ่งมองกี่ครั้งก็เท่ไม่แพ้นักร้องนำ Hyukoh เลย ดนตรีของพวกเขามีความอัลเทอร์เนทีฟร็อก 70 นิด ๆ ซึ่งนอกจากสไตล์การร้องที่โคตรเท่แล้ว การกด fuzz กีตาร์และซัดมันมาออกจากใจก็ทำให้เรายิ่งรักซาวด์ของวงนี้มาก ๆ โดยเฉพาะเพลง Lucy ที่ฟังครั้งแรกแล้วตกหลุมรักวงทันที โชว์ของพวกเขาแม้จะไม่ได้เนียนกริบขนาดนั้น แต่พวกเขาก็ปล่อยของกันสุดตัว โดยเฉพาะการเปลี่ยนแล้วหาบีทกลองวนไปมาเหมือนกำลังหมุนหน้าปัดวิทยุจนเจอ แล้วซัดดนตรีมัน ๆ ทันทีก็รู้เลยวงนี้มีของ

LUCfest, 2023, Tainan, Taiwan, Taiwan Beats, Numcha, Home, Iruku Polisi, Fayehong, Valentina Ploy, Puzzleman, Queen Suitcase, Wadfah, WUTU, Two Pills After Meal, Hao Ting Huang, ichiko aoba, Sorry Youth

อีกหนึ่งวงที่เตะตาเราตั้งแต่วันแรกที่มาถึงงาน กับ Ikura Police (TW) ที่แม้เราจะไม่เข้าใจเนื้อเพลงซักคำ แต่พลังอันเร้าร้อนของการเป็นวัยรุ่นของพวกเขาก็ถูกถ่ายทอดออกมาถึงเราผ่านดนตรีร็อกสุดทะเล้นได้อย่างดี ซึ่งดนตรีร็อกของพวกเขาก็แฝงลูกเล่นทางดนตรีจากหลาย ๆ แนวเพลงไว้ด้วยกัน เรียกว่าความสามารถก็น่าสนใจไม่แพ้วงอื่น ๆ เหมือนกัน ทั้งการแผดเสียงประสานระหว่างนักร้องนำชายหญิง (ทำไมไต้หวันถึงชอบมีนักร้องนำชายหญิงเกือบทุกวงเลย) ถ้าอยากรู้จักพวกเขาก็ต้องฟัง Best Friend ที่ค่อย ๆ ไต่ระดับจากความสนุกไปสู่ความมันอย่างช้า ๆ กว่าเราจะรู้ตัวอีกทีก็โดนริฟกีตาร์อัดหน้ารัว ๆ ก่อนจะโดนท่อนโซโล่คือก็ต่อยเต็มแรง แถม outro ก็บ้ามาก ๆ แบบไม่ให้พักเลย แล้วทั้งวงก็ใส่กันเต็มเหนี่ยวแบบไม่เขินอายที่จะพูดเรื่องความรักและความหวังของพวกเขาผ่านดนตรี

LUCfest, 2023, Tainan, Taiwan, Taiwan Beats, Numcha, Home, Iruku Polisi, Fayehong, Valentina Ploy, Puzzleman, Queen Suitcase, Wadfah, WUTU, Two Pills After Meal, Hao Ting Huang, ichiko aoba, Sorry Youth

อีกหนึ่งวงที่น่าสนใจในไลน์อัพนี้กับ FayeHong (TW) ไม่แน่ใจว่าเราจะจำกัดความดนตรีเขายังไงดี เพราะมันเกือบจะเหมือน post-rock ด้วยความยาวของเพลงและดนตรีอันหนักหน่วง จุดเด่นที่หลายคนตกหลุมรักคือเสียงร้องอันทรงพลังของนักร้องนำผู้หญิง กับสไตล์การร้องที่ไม่เหมือนใคร ยิ่งเจอการประสานเสียงชายหญิงที่ถ่ายทอดอารมณ์ได้ล้ำลึก พร้อมดนตรีคล้าย ๆ ดั๊บที่ใส่เสียงสังเคราะห์หรือดนตรีอิเล็กทรอนิกเข้าให้มันดูมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น และพาแนวดนตรีของพวกเขาไปได้ไกลกว่าเดิม โชว์ของพวกเขามีความเป็นละครเพลงมากเหมือนกันในความคิดเรา

อีกหนึ่งศิลปินไทยที่คนไต้หวันไม่อยากพลาด กับ Valentina Ploy และนี่เป็นครั้งแรกเหมือนกันที่เราได้ดูโชว์ของเธอ พลอยขึ้นเวทีมาแบบพลังเหลือล้นดีสุด ๆ อีกทั้งแบ็กอัพแต่ละคนที่มาด้วยกันวันนี้ก็ล้วนเป็นสมาชิกจากวงเจ๋ง ๆ ที่พวกเราชื่นชอบทั้งนั้น ความหลากหลายในแนวดนตรีของพลอยก็ยิ่งทำให้โชว์สนุกมาก ๆ เราจำชื่อเพลงแรกไม่ได้ที่มีความ tropical dance สนุก ๆ แต่การที่พลอยโชว์ตีกลองก็ละลายคนดูให้ไฮป์ได้เร็วขึ้น พลอยหยิบทั้งเพลง Really Wanna Know Ya ที่วาดลวดลายสไตล์ r&b พร้อมบีทและกีตาร์สนุก ๆ หรือ Love You Better กับบีทหนึบ ๆ ที่ส่งให้เสียงของพลอยยิ่งเซ็กซี่ขึ้น และ Bla Bli Blu ที่คึกครืนสุด ๆ

อีกสิ่งหนึ่งที่พลอยทำได้ดีมาก ๆ ในโชว์ของตัวเองคือการถ่ายทอดอารมณ์ผ่านเพลงของเธอได้เข้าถึงคนฟังมาก โดยเฉพาะเพลง Drunk Sleeping in Taxis และ I Miss My Friends ที่แต่งกับ Phum Viphurit ช่วงกักตัวที่ผ่านมา แต่ครั้งนี้ได้ เจสัน quicksand bed ที่มาเล่นเบสให้วันนี้ร้องแทน ซึ่งปลอบประโลมเราอย่างน่าประหลาด

PUZZLEMAN (TW) ศิลปินหนุ่มสายบีทเมคเกอร์ที่เปลี่ยนไนท์คลับให้กลายเป็นห้องหับอันเต็มไปด้วยท่วงทำนองเบาสบายชวนสดชื่นในสไตล์ soulful groove ด้วยเซ็ตติ้ง MIDI Control Pad หนึ่งชุด กีตาร์ไฟฟ้าหนึ่งตัว ประกอบอีกหลากลูกเล่นที่รอเซอร์ไพร์สคนดูอย่างการหยิบเชคเกอร์ เครื่องดนตรีสายเพอร์คัสชั่นที่เขาใช้สร้างลวดลายผ่านเพลง Asalato Dance ด้วยแอฟโฟรบีทและอิเล็กทรอนิกป๊อปที่แอบเสริมกับริฟฟ์กีตาร์เล็กน้อย และทันทีที่แขกรับเชิญอย่างนักร้องสาว Dan Hsueh (薛詒丹) ก้าวเท้าขึ้นสเตจ เธอก็สะกดคนฟังด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก ระหว่างที่คลอไปกับดรัมบีทและเมโลดี้โทนแจ๊ส-อาร์แอนด์บี ก่อนเขาจะหันไปเป่าฮาร์โมนิกาในเพลงถัดมา และร่ำลาที่ Love Is The Answer กับโชว์สุดน่ารักอบอุ่นที่เรียกทั้งเสียงหัวเราะปนรอยยิ้ม ต่างคนคนต่างคอยปรบมือเอาใจช่วยพร้อมร้องท่อนฮุก “All…I want to say…Love is the answer” แล้วจู่ ๆ ช่วงท้ายเพลงก็เขากระโดดโลดเต้นไฮป์คนในห้องส่ง ต้องบอกว่าเวทีเล็กไม่ใช่อุปสรรคสำหรับเขาจริง ๆ เพราะเพอร์ฟอร์มสนุกกว่าที่เราคิดไว้เยอะเลย

ถึงแดดยามบ่ายของประเทศไต้หวันจะไม่ประนีประนอมกับเราเท่าไหร่ ระหว่างทางเราก็ขอพักร้อนโดยแวบไปต่อแถวดู Queen Suitcase (TW) สักเล็กน้อย พวกเขาเป็นมิวสิคกรุ๊ปที่มีแนวดนตรีที่น่าสนใจ ทั้งเซิร์ฟร็อกผสมความโซลและป๊อปในเสียงร้อง ผนวกกับกลิ่นอายโมทาวน์ที่พอได้นั่งฟังประกอบจ้องมองวิชวลที่ถูกฉายขึ้นโปรเจกเตอร์ก็รู้สึกเพลิดเพลินใช่เล่น ด้วยการบรรเลงที่เคลื่อนไหวราวย้อนเวลากลับไปยุคฮิปปี้ ทำให้บทเพลงต่าง ๆ ของพวกเขาในเซ็ตลิสต์ อาทิ Dust to Dust, Keep on running, Dear Friends เหมาะสมที่จะเล่นใน Chuan Mei Theater หรือโรงหนังเก่าแก่ที่สร้างขึ้นเมื่อปี 1950s ถึง 1960s ก่อนจบโชว์ พวกเขาก็เรียกให้คนดูจากหลายร้อยที่นั่ง ลุกยืนเพื่อเอนจอยไปกับบทเพลงส่งท้ายอย่างเป็นกันเอง

ถึงตาศิลปินสาว Wadfah และผองเพื่อนที่กระโดดขึ้นมาพร้อมดนตรีป๊อปอันสดใส โชว์รอบนี้วาดฟ้าหยิบเพลง i’d probably die in my bed กับริฟฟ์กีตาร์ “ตือดือดือตืดดือ” สุดติดหู she’s in the cage และ Come Around มาร้องประกอบท่าทางขี้เล่นในแบบของเธอ ใครที่ได้ดูก็ต้องตกหลุมรักเมโลดี้ยุค 2000s ในพลังวัยรุ่นกับจังหวะอัพลิพท์ที่ชวนอมยิ้มบนโทนเสียงและเนื้อหาฉบับหนังรัก หรือเพลงเมโลดราม่าอย่าง i hate this city และ if i die ก็พร่างด้วยเอฟเฟกต์เสียงพร่าง ๆ ควบซาวด์คีย์บอร์ดระยิบระยับ พอถึงเซ็ตเพลงลับสลับไลน์กีตาร์สไตล์อัลเทอร์เนทีฟร็อกที่ยังไม่ปล่อยเป็นออฟฟิเชียลออกมา พวกเขาก็ทำได้ดีจนเรียกเสียงปรบมือกึกก้องไปทั่วห้อง เพอร์ฟอร์มแมนซ์ของพวกเขาสนุกสนานแถมน่ารักมากจริง

烏兔 WUTU (TW) วงโพสต์ร็อก-แอมเบียนต์ที่ครองใจผู้ชมเวทีนี้ด้วยบรรยากาศวังเวงคล้ายยืนอยู่ในป่าสนมืดดำผ่าน A House Of One’s Own จากอัลบั้ม Lost Innocent Days ที่พวกเขาค่อย ๆ ละเลียดเครื่องสาย พร้อมเสียงฮัมปนกระซิบกระซาบของนักร้องสาวเริ่มคลอไปกับจังหวะซัดกลองและเมโลดี้ดนตรีสุดดุเดือดที่กำลังบอกให้เรารู้ว่าในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า มนต์ขลังที่ถูกรังสรรค์จากเสียงเพลงบรรเลงประกอบซาวด์อันลึกลับน่าค้นหาจะแทรกซึมเข้าไปในร่างกายของทุกคนโดยไม่รู้ตัว ก่อนช่วงถัดมาจะนำทางเราไปสู่เซ็ตที่ทวีคูณความเข้มข้นขึ้นไปอีกเรื่อย ๆ เช่นเพลง Forgiveness, Long Night หรืออย่าง Someone Is Dancing at Night ที่เปิดอินโทรด้วยอะนาล็อกซินธิไซเซอร์ เบสไลน์ บนท่วงทำนองเนิบช้าและในท้ายที่สุดก็ระเบิดมันออกมาอย่างทรงพลัง

Two Pills After Meal คู่ดูโอ้อิเล็กทรอนิกที่ประกอบด้วยเครื่องดนตรีเพียงสองชิ้น ได้แก่ คีย์บอร์ดและกลอง แต่เรื่องโชว์ต้องบอกว่าเอาอยู่หมัด ทั้งจังหวะเพลงที่ยังคงสดใหม่และดีเทลในแต่ละบีทที่เราหยุดเต้นตามไม่ได้ โดยเล่นกับแสงสีและดิสโก้บอลที่แวบวับด้านข้างเวที “It’s time to move on…and move your body, It’s time to move on…this is your party” พวกเขาแนะนำตัวด้วยเพลง Moove หรือซิงเกิลล่าสุดที่ทางวงพึ่งปล่อยออกมา ก่อนจะต่อด้วยบทเพลงอีกมากมายจากอัลบั้ม First Kit และ SIDE EFFECT อาทิเช่น IDK, Sugar, Enter, WEEKEND, ดาวอังคาร และอื่น ๆ ที่ผนวกเสียงร้องในขณะที่มือของเธอก็รังสรรค์ซาวด์สังเคราะห์ขนานต่าง ๆ รับส่งกับริทึ่มกลองที่ดีไซน์ขึ้นเพื่อกันและกัน สำหรับการกลับมางาน LUCfest เป็นครั้งที่ 2 ยิ่งตอกย้ำว่าผลงานของพวกเขานั้นไร้กาลเวลาแค่ไหน เมื่อถูกเปิดหรือนำมาเล่นท่ามกลางผู้ชมอีกครั้ง

จากมือแซกโซโฟนของ Sunset Rollercoaster สู่โปรเจกค์เดี่ยวของตัวเองในชื่อ Hao Ting Huang (TW) ซึ่งเขามาพร้อม DJ อีกหนึ่งคน ซึ่งโ๙ว์ของเขาก็ไม่เหมือนที่คิดไว้เลย เพราะดนตรีของเขามีทั้งอิเล็กทรอนิก 90 ที่มีความย้อนยุคนิด ๆ หรือไม่ก็กดบีท old school ออกมาเพื่อแร็พตามได้อย่างสนุกมาก แต่ความพิเศษคือบางเพลงที่ซัดไลน์แซกโซโฟนสนุก ๆ ได้อย่างบันเทิงมาก DJ เองก็ช่วยเติมสีสันให้เพลงของเขาด้วยการสแคชแผ่นหรือการดรอปบีทต่าง ๆ ทำให้โชว์ยิ่งสนุกขึ้นด้วย พร้อมทั้งโชว์เปียโนไปกับบีทมัน ๆ ยิ่งทำให้คนดูไฮป์ตามกันสุด ๆ

อีกหนึ่งเฮดไลนเนอร์ของงาน กับเจ้าหญิงแห่งโฟล์กจากญี่ปุ่น Ichiko Aoba (JP) ที่มีเล่นไปแล้วรอบเที่ยง แต่ครั้งนี้เธอกลับมาในชุดกิโมโนสวยเลย (รู้จาก Instagram ทีหลังว่าเป็นชุดที่ยายของเธอนั้นทำให้) ซึ่งแค่ตอนซาวด์เช็คที่เธอกำลังไล่เสียงโน๊ตอย่างไพเราะไปตามเสียงเปียโนไฟฟ้าก็ทำให้ทุกคนยิ้มได้ทันที เธอทักทายทุกคน แล้วมีเสียงเด็กเล็กทักทายขึ้นมาว่า “คอนนิจิวะ” ทุกคนหัวเราะชอบใจ ก่อนเธอจะทักทายตอบด้วยเสียงเล็ก ๆ ของเธอ แล้วไล่เสียงไปจนถึงไฮโน๊ตโชว์เรียกเสียงปรบมือไป 1 รอบ ก่อนจะนั่งทำลูปดนตรีไปเรื่อย ๆ แบบไม่รีบร้อน

เธอสะกดคนดูไว้ได้ตั้งแต่เพลงแรก ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแต่สดใสที่ลงตัวกับเสียงสังเคราะห์สุด ๆ โชว์ของเธอน่าตื่นตากว่าที่คิดมาก ทั้งการบรรเลงเพลงโฟล์กด้วยกีตาร์โปร่งได้อย่างอบอุ่นเหมือนเพลง 太陽さん หรือการโชว์สกิลฟิงเกอร์สไตล์ได้อย่างสนุกสนาน หรือการใช้เปียโนก็ไพเราะไม่แพ้กัน แต่เพลงที่ทำให้เราประทับใจที่สุดคือการโคฟเวอร์เพลง 頼りない天使  ของวงดนตรีระดับตำนานของญี่ปุ่นอย่าง Fishmans ที่แค่เสียงอันเศร้าสร้อยของเธอกับการเกากีตาร์ตามก็ทำให้เราร้องไห้ออกมาทันที จนฟังเพลงอังกอร์ไม่รู้เรื่องเพราะเธอกลับมาเล่นขอบคุณแฟน ๆ แบบเร็ว ๆ ไม่ได้จ่อไมค์

โชว์สุดท้ายที่เราได้ไปดูของงาน LUCfest คือ วงร็อครุ่นใหญ่นามว่า Sorry Youth (TW) ซึ่งเวทีจัดอยู่ในอีกโซนนึงของเมืองไถหนาน โดยจากการพูดคุยกับทีมงาน Taiwan Beats ได้เล่าให้ฟังว่างาน LUCfest เองก็มีการแบ่งพื้นที่โซนที่เป็น Showcase และ Commercial ออกจากกัน ซึ่งเวทีที่เราเดินทางไปก็มีความแตกต่างอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นบูธสินค้าของสปอนเซอร์และร้านค้าภายในพื้นที่เช่นกัน โดยเราได้ไปตั้งแต่ตอนช่วงวงซาวเชคและได้เห็นการทำงานของทีมงานอย่างเข้มข้นก่อนที่จะเปิดพื้นที่ให้คนดูวื่งกรู่เข้ามาหน้าเวที ตัววง Sorry Youth เองมีความภาคภูมิใจในแต่งเพลงเป็นภาษาฮกเกี้ยนซึ่งตั้งใจให้เป็นการอนุรักษ์ภาษาท้องถิ่นของไต้หวันอีกด้วย โชว์รอบนี้วงขนเพลงมาเล่นเพียบ มีการผสานระหว่างไลน์กีต้าเท่ๆกับเมโลดี้ร้องที่ติดหูฟังง่ายอย่าง 骨力走傱 ตามมาด้วยริฟกีต้าชวนโยกของเพลง 出巡 และ 歹勢中年 ที่ชวนให้คนดูโยกกันเบาๆและร้องตามกันตลอดเพลง ใน setlist ทั้งหมด เรารู้สึกประทับใจเพลง 暗流 จากอัลบั้ม 兄弟沒夢不應該 Brothers Shouldn’t Live Without Dreams ที่วงหยิบมาเล่นในท้ายๆโชว์ เป็นเพลงกลิ่นอาย Post Rock ยาว 7 นาทีกว่าๆ พร้อมสาดเสียงและสีมาใส่ไม่ยั้ง ก่อนเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของโชว์ด้วย 兄弟沒夢不應該 ที่มีท่อนโซโล่กีต้าบาดใจจาก Weni (มือกีต้า) ก่อนที่จะ Giang Giang (มือเบส,ร้องนำ) และ Chung-Han (มือกลอง) ร่วมกันประสานเสียงร้องในท่อนสุดท้ายของเพลง และจบโชว์ด้วยเพลง 你愛咱的無仝款 อย่างสุดมันส์ หลังจากนั้นเราก็ได้โอกาสเข้าไปสัมภาษณ์วงหลังจากจบโชว์ สามารถไปติดตามบทสัมภาษณ์ของพวกเขาได้ในรายการ COSMOS eXplorer บน youtube ของ CD COSMOS กันที่ https://www.youtube.com/@cdcosmos

น่าเสียดายที่พอจบงานแล้ว พวกเราต้องรีบขึ้นรถตู้เพื่อกลับเมืองไทเปทันที ไม่มีเวลามากพอจะได้สำรวจเมืองไถหนานมากพออย่างที่ตั้งใจไว้ แต่การได้เห็นเทศกาลดนตรีที่ทุกคนเดินเปลี่ยนเวนิวไปเรื่อย ๆ (หรือ hop) แม้จะไม่รู้จักศิลปินที่กำลังจะเดินไปดูก็ตาม หรือการที่เดินไปเวทีต่อไปแล้วเห็นทุกคนมีริชแบนด์เหมือนเรา กำลังเดินไปทางเดียวกับเรา มันทำให้รู้สึกดีใจและมีความหวังไปก็ศิลปินทุกคนที่เลือกมาเสี่ยงโชคในงาน Music Showcase แบบนี้ โดยเฉพาะการได้เห็นคนไต้หวันสนุกไปกับศิลปินไทยในงานด้วยเหมือนกัน

สำหรับคนที่อ่านมาถึงตอนนี้ อยากให้ทุกคนได้มีโอกาสลองไปงาน Bangkok Music City ดูบ้าง เรียกได้ว่าเป็น Music Showcase งานแรก ๆ ของไทยเลย ที่ร่วมมือกับเวนิวเล็ก ๆ หลาย ๆ ที่ใจกลางกรุงเทพ และให้คนย้ายเวนิวไปดูศิลปินไทยและต่างชาติมากมาย เรายังจำการนั่งตุ๊กตุ๊กเพื่อรีบไปดูวงไทยที่ชอบได้เลย นอกจากมันจะสร้างความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ให้กับอาชีพศิลปินในงาน ช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวในเมืองแล้ว มันยังสร้างการจ้างงานเพิ่มขึ้นทั้งคนเบื้องหลังในวงการดนตรี นักท่องเที่ยวที่มากขึ้นก็ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจรอบ ๆ พื้นที่งาน ผลักดันพื้นที่สาธารณะในเมืองให้มีคุณค่ามากขึ้น และยังส่งเสริมให้เกิดเวนิวสำหรับงานดนตรีมากขึ้น ช่วยให้การท่องเที่ยวเชิงดนตรียั่งยืนมากขึ้น ซึ่งคนดนตรีก็พูดเรื่องนี้กันมาตลอด แค่รัฐบาลไต้หวันเห็นและรีบลงมือทำให้มันเป็นจริง แต่รัฐบาลไทยยังไม่เข้าใจสิ่งนี้ด้วยซ้ำ แต่ได้ยินว่า 2024 กำลังจะเกิด Bangkok Music City ขึ้นอีกครั้ง และยิ่งใหญ่กว่าเดิมด้วย ก็ติดตามข่าวสารจากเว็บของเราได้

ประสบการณ์ 3 วันในงาน LUCfest เป็นอะไรที่มีค่ากับเรามาก ๆ ตั้งใจอยากถ่ายทอดให้ทั้งนักอ่าน ศิลปิน เจ้าของค่ายเพลง โปรโมเตอร์ และรัฐบาลไทย ได้เห็นว่าการท่องเที่ยวเชิงดนตรีเป็นไปได้จริง ถ้าทุกคนเข้าใจและเห็นคุณค่าของมัน ก็อยากให้ทุกคนรวมตัวกันทำอะไรซักอย่างกับซีนดนตรีไทยเพื่อเราแข่งขันกับประเทศอื่น ๆ ได้บ้าง ในโลกที่ทุกประเทศตื่นตัวกับ Music Showcase มาก ๆ แต่ศิลปินในประเทศเรายังไม่รู้เลยว่าคืองานอะไร แน่นอนว่ามันมีคนทำแหละ แต่ถ้าได้รัฐบาลช่วยมันจะไปเร็วกว่าเดิมขนาดไหน

ขอบคุณ Taiwan Beats สำหรับทริปที่มีความหมายกับทีม The COSMOS และซีนดนตรีไทยมากมายขนาดนี้

+ posts

ชอบไปคอนเสิร์ตเพราะเป็นกิจกรรมที่ทำคนเดียวได้ และยังชอบแนะนำวงดนตรีใหม่ ๆ ผ่านตัวอักษรตลอดเวลา

+ posts

แบม นักเขียนน้องเล็กที่ชอบอ่านหนังสือและฟังเพลงในเวลาเดียวกัน อดีตเพจ Listenist

Related Articles

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More

Privacy & Cookies Policy