LUCfest 2023 วันแรก ลุยไถหนาน เก็บวงเจ๋ง ๆ พร้อมไปเชียร์ LEPYUTIN ติดขอบเวที

by McKee and Nattha.C
582 views
LUCfest 2023 Tainan Taiwan ไถหนาน ไต้หวัน LEPYUTIN Kirinji

LUCfest หนึ่งในงาน Music Showcase ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชีย ที่จัดขึ้นในเมืองไถหนาน ประเทศไต้หวัน โดยตั้งชื่องานก็เพื่ออวยพรให้กับเหล่านักฟังเพลงจากทั่วโลกที่มารวมตัวกันที่ประเทศนี้

นอกจากงานนี้จะเป็นงาน Showcase สำหรับศิลปินที่มีความสามารถจากไต้หวันแล้ว ยังเปิดพื้นที่ให้กับศิลปินเจ๋ง ๆ จากทุกชาติเข้ามาแสดงฝีมือกันอย่างเต็มที่ โดยงานจะคัดเลือก Delegates หรือคนในอุตสาหกรรมดนตรีจากทั่วโลกมาเจอกับพวกเขาด้วย เพื่อต่อยอดความเป็นไปได้ในวงการดนตรีอีกมากมายเกินกว่าที่เราจะคาดหวังได้

กล้าพูดได้เลยว่า งานนี้ได้ส่งออกศิลปินรุ่นใหม่ ๆ ออกไปสู่วงการดนตรีทั่วโลกหลายวงแล้ว ซึ่ง Phum Viphurit ของพวกเราเองก็เป็นศิลปินอีกคนหนึ่งที่เติบโตขึ้นมาจากงานนี้เหมือนกัน

และปีนี้เองทีม The COSMOS ได้รับเชิญจากทีม Taiwan Beats ให้ไปร่วมงาน LUCfest 2023 ในฐานะสื่อดนตรีจากประเทศไทย ซึ่งพอได้ไปงานนี้ด้วยตัวเองแล้ว ทำให้เราเข้าใจเลยว่า ทำไมงาน Music Showcase ถึงสำคัญกับวงการดนตรี และสำคัญกับศิลปินไทยทุกคนด้วยเหมือนกัน

เพราะเหล่า Delegates ที่มาในงานนี้ ล้วนเป็นผู้คร่ำหวอดในวงการดนตรีของประเทศตัวเอง และมีประสบการณ์ในวงการดนตรีที่เข้มข้น หลายคนเป็นเจ้าของเฟสติวัลระดับประเทศ อีกหลายคนก็เป็น booking agency หรือ Curator ที่มองหาวงดนตรีน่าสนใจไปเล่นที่ประเทศต่าง ๆ หลายคนมีไลฟ์เฮ้าส์หรือมีเวนิวของตัวเองที่รอให้ศิลปินใหม่ ๆ เข้าไปเติมเต็มความมัน และบางคนก็เป็นตัวแทนจากค่ายเพลงที่อยากมาเซ็นสัญญากับเฮดไลเนอร์คนต่อไปของโลกให้ได้

ตลอดเวลาที่อยู่ในงาน จะมีอีเว้นต์ที่จัดขึ้นเพื่อให้ศิลปินมีโอกาสได้เจอ Delegates เหล่านี้ทุกวัน ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับความกระตือรือร้นของศิลปินทุกคนแล้วว่าจะพาตัวไปเจอโอกาสได้มากแค่ไหน ซึ่งมีความเป็นไปได้มากมายที่เกิดขึ้นที่นี่ และอยากให้ศิลปินไทยทุกคนได้ลองเข้ามาสัมผัสสิ่งเหล่านี้ด้วยตัวเองซักครั้ง

ในมุมมองของเรา ไถหนานมีความคล้าย ๆ กับเมืองเชียงใหม่บ้านเราประมาณหนึ่ง แม้ภายนอกจะดูเงียบสงบ แต่เต็มไปด้วยงานศิลปะ เหล่าร้านรวงและเวนิวต่าง ๆ ที่สร้างสรรค์ ซึ่งสิ่งที่แตกต่างกับบ้านเราคือ เมืองนี้ก็ได้รับการซัพพอร์ตจากรัฐอย่างดีเหมือนกับเมืองอื่น ๆ ในไต้หวัน

LUCfest 2023 Tainan Taiwan ไถหนาน ไต้หวัน LEPYUTIN

ก่อนอื่นเลย เวทีที่ใช้จัดคอนเสิร์ตในงานนี้ก็น่าประทับใจสุด ๆ สำหรับคนไทย เพราะครึ่งนึงคือเป็นพื้นที่สาธารณะที่ดูแลโดยภาครัฐทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น Tainan Art Musuem มิวเซียมที่ปรับปรุงจากพื้นที่ทางประวัติศาตร์ Eternal Golden Castle จากป้อมปราการในสมัยก่อนกลายเป็นสวนสาธารณะ รวมถึง National Museum of Taiwan Literature Lecture Hall และ Wan Sha Performing Arts Center

นอกจากนี้ LUCfest ยังเลือกเวนิวที่น่าสนใจเพื่อซัพพอร์ตผู้ประกอบการในเมืองอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น Chuang Mei Theater (全美戲院) โรงหนังเก่าที่อยู่คู่เมืองมาอย่างยาวนาน หรืออย่าง Red Bird Night Club, B.B. Art และ Hó Thiann Performing Arts ซึ่งเป็นพื้นที่จัดงานเกี่ยวกับดนตรีเพื่อคนไถหนานโดยเฉพาะ ยังเป็นสถานที่ที่ทำให้ชาวต่างชาติได้รู้จักเกี่ยวกับเมืองนี้มากขึ้นอีกด้วย

อย่างที่บอกว่าศิลปินและ Delegates มีหน้าที่ที่ต้องทำมากมาย ทั้งมีตติ้ง ทั้งงานสัมมนาหรือภารกิจต่าง ๆ ที่เป็นการเป็นงานสุด ๆ สื่ออย่างเราเลยมีอิสระที่จะได้ไปชมเมืองในแบบของเรา ฝากติดตามบทความท่องเที่ยวเชิงดนตรีของ The COSMOS อีกคอนเทนต์ด้วยนะ ใครไปไถหนานรอบหน้ารับรองสนุกแน่นอน

ต่อจากนี้ก็ชวนทุกคนไปติดตามความสนุกของ LUCfest ทั้ง 3 วันใน COSMOS Voyage ของเราได้เลย

ในวันแรกที่มาถึงเมืองไถหนาน LUCfest ก็มีงานเลี้ยงเล็ก ๆ รับรองเหล่า Delegates ที่เพิ่งมาถึงให้ผ่อนคลายจากการเดินทาง และยังมีทัวร์พาชมเมืองผ่านเวนิวต่าง ๆ ในงานนี้ โดยไฮไลต์ของวันคือเวทีกลางที่รวบรวมศิลปินในเอเชียที่น่าสนใจเอาไว้ ในโปรแกรมแรกใช้ชื่อว่า ‘Focus Indonesia’ ที่ส่ง Jevin Julian ศิลปินและโปรดิวเซอร์สายอิเล็กทรอนิกเจ้าของรางวัลระดับประเทศที่บีบนวดเราด้วยบีทมัน ๆ เรียกว่าเป็นม้ามืดของสายนี้เลย และ Hindia โปรเจกต์เดี่ยวของ Baskara Putra นักร้องนำ .Feast วงร็อกชื่อดัง ซึ่งเหมือนเป็นกระจกสะท้อนความสามารถที่เหลือล้นของเขา ด้วยดนตรีป็อปสนุก ๆ ไปจนถึง synthpop ที่ดุดัน

โปรแกรมที่สองก็ใช้ชื่อว่า ‘NewEchoes’ ค่ายตัวตึงจากไทยเรานี่เอง พวกเขาก็ส่ง LEPYUTIN และ NUMCHA มา บอกเลยว่าโชว์ของพวกเขาก็สร้างความประทับใจให้เหล่า Delegates จนต้องตะลึง ตามอ่านโชว์บนเวทีเต็ม ๆ ของเขาอีกทีช่วงต่อไป ส่วนโปรแกรมสุดท้ายคือ ‘LUCKY 7’ ที่ส่ง さらさ (ซาระซะ) จากญี่ปุ่นมาให้ทุกคนเชยชม เสียงร้องของเธอที่ทั้งอ่อนโยนและเต็มไปด้วยความเศร้านั้น สะกดใจทุกคนไว้อย่างอยู่หมัด ซึ่งแน่นอนว่าเราจะพูดถึงโชว์เต็ม ๆ ของเธอด้วย

และช่วงเย็นเองก็มีปาร์ตี้ต้อนรับอย่างเป็นทางการ พร้อมเวที Showcase พิเศษโดยศิลปินไต้หวันที่น่าจับตามองทั้ง Wendy Wander วงป็อปสุดนุ่มที่กำลังจะมาไทย, Iruka Porisu วงร็อกที่ครบเครื่องความมันสุด ๆ, Jerry Li รุ่นใหญ่ของวงการกับดนตรีสไตล์อังกฤษ และ 250 โปรดิวเซอร์ชื่อดังจากเกาหลีที่เป็นคนทำเพลง Ditto ให้ NewJeans ที่มาแบบ DJ Set ซึ่งทุกคนเราจะพูดถึงโชว์เต็ม ๆ ของพวกเขาแน่นอน

แค่คืนแรกก็ตื่นตาตื่นใจสุด ๆ เพราะเต็มไปด้วยวงเจ๋ง ๆ ทั้งนั้น หลังจากหาอะไรรองท้องเราจึงรีบกลับโรงแรมพักผ่อนทันที เพราะวันเสาร์บอกเลยว่าตารางแน่นสุด ๆ

เช้าวันเสาร์ พวกเรากินข้าวอะไรกันเสร็จก็รีบเดินทางไปประจำที่เวนิวต่าง ๆ เพื่อรอเข้างานกันตั้งแต่วงแรก โดยเรามีนักเขียนสองคนคอยแยกกันไปเก็บให้เยอะที่สุดเท่าที่เราจะทำได้

มาเริ่มกันที่โรงหนัง Chuang Mei Theater เพราะหนึ่งเป้าหมายหลักของเราในงานนี้คือ Kirinji ศิลปินญี่ปุ่นระดับเฮดไนเนอร์เลย ระหว่างที่กำลังรอเข้าโรงหนัง ก็ได้เห็นคนไต้หวันจูงลูกเด็กเล็กแดงออกมาต่อคิวรอดูศิลปินที่ไม่รู้จักกัน ก็อดชื่นใจไม่ได้กับความเปิดรับอะไรใหม่ ๆ ของคนไต้หวัน ซึ่งคนก็มากันแน่นโรงตั้งแต่วงแรกเลยทีเดียว

เมื่อเข้ามานั่งกันเต็มฮอลแล้ว วงแรกของเวทีนี้อย่าง Famous Japanese (JP) ก็ขึ้นมาบรรเลงความสนุกทันที วงดนตรีพื้นบ้านจากญี่ปุ่นที่มีกลิ่นของ world music แต่ผสมเข้ากับเครื่องดนตรีหลากหลายประเทศชวนตื่นตาตื่นใจ นอกจากเครื่องดนตรีพื้นฐานอย่างเบส ซินธ์และกลองชุด วงก็ยังมีไวโอลิน ปี่ไทย แซ็กโซโฟน เครื่องเคาะเพอร์คัสชั่นทั้งหลาย ซิต้า ไปจนถึงกลองยาว

ด้วยดนตรีที่รื่นเริงเกินบรรยายกับคอสตูมที่ฉูดฉาดละลานตา ยิ่งส่งให้การร้องประสานเสียงของนักร้องนำชายหญิงแบบเฉพาะถิ่น ที่ดูครึกครื้นไปกับวงด้วย กลายเป็นวงเปิดเวทีที่กระตุ้นอะดีนารีนคนดูได้ดีมาก เพลงของพวกเขามีตั้งแต่การร้องรำทำเพลงที่สนุกสนานในเพลง OSHAKASAMA ราวกับการละเล่นเฉพาะตัวของพวกเขา หรือการหยิบสไตล์ดนตรีของเพื่อนมาผสมกับเทคนิคสลับจังหวะดนตรีไปมาเพลง ARAB’S KING ก็รื่นเริงสุด ๆ ไปถึงโชว์บรรเลงดนตรีที่น่าตื่นตาตื่นใจจากเครื่องดนตรีหลากหลายชิ้นที่ให้เสียงในเพลง SUNTONKYO ก็ยืนยันศักยภาพทางการแสดงของพวกเขาได้อย่างดี

Andr (TW) ศิลปินสาวแนวอัลเทอร์เนทีฟ-อาร์แอนด์บีวัยกำลังแก่น คนนี้เราแอบไปฟังเพลงมานิดหน่อย ก็ค้นพบว่าเรนจ์เสียงของเธอน่าหลงใหลไม่เบา แถมมีช่วงแร็ปสลับร้องภาษาอังกฤษกับจีนแมนดารินที่กลืนเป็นเนื้อเดียวกันได้อย่างประหลาด ซึ่งรอบนี้เธอมาแบบฟูลแบนด์บนดนตรีที่กลมกล่อมครบเครื่องทั้งดรัมแอนด์เบสสุดหนึบหนับ ควบซาวด์สังเคราะห์และอิเล็กทรอนิกบีทที่ติดหู เช่นเพลงที่แนบมาในเซ็ตลิสต์อย่าง i don’t lose sleep anymore, Night Lotion, 釋迦Shakya และอื่น ๆ บางท่อนก็แอบหยอดริฟฟ์กีตาร์ฟังก์กี้ ๆ ให้ไม่น่าเบื่อเกินไป จังหวะเล่นเพลงร็อกก็มันส์สะท้านไปเลยล่ะ

หลังจากนั่งพักไม่นาน Kirinji (JP) ก็ขึ้นมาเซ็ตเตรียมโชว์ต่อไป ก็ต้องแปลกใจเพราะครั้งนี้เขามาพร้อมกีตาร์ตัวเดียว โดยที่ไม่ได้เอาวงมาด้วยเลย แต่เห็นแบบนี้เราก็มั่นใจได้เลยว่าลุงจะต้องออกแบบโชว์มาอย่างดีแน่นอน แต่เมื่อลุงเริ่มโชว์ก็สามารถสะกดทุกคนในฮอลล์ให้อยู่ในความเงียบ และตั้งใจฟังเขาได้ตั้งแต่คอร์ดแรก เปลี่ยนทุกเพลงให้เป็นโฟล์กน่ารัก ๆ กับน้ำเสียงที่อบอุ่นอย่างประหลาด พร้อมตื่นตาตื่นใจไปกับลูกเล่นของกีตาร์ที่น่าฟัง ตอบความคาดหวังของทุกคนได้อย่างน่าประทับใจ

โดยเฉพาะเพลงฮิตตลอดกาลของเขาอย่าง 時間がない ที่เสียงกีตาร์ทำหน้าที่สร้างบรรยากาศอบอุ่น และทำให้เสียงนุ่ม ๆ ของลุงดูสนุกขึ้นมา ซึ่งลุงก็เก็บได้ทุกเมโลดี้ในเพลง แต่เปลี่ยนให้กลายเป็นเสียงนุ่ม ๆ ทั้งเพลง แต่ยังหยิบเพลงจากอัลบั้มล่าสุดมาทั้ง Rainy Runway และ Running’s High มาเรียบเรียงใหม่ ใส่ความแจ๊สลงไป ขยี้จังหวะให้สนุกขึ้นไปอีก พร้อมโชว์เสียงร้องอันทรงพลังของลุง เป็นเวอร์ชั่นพิเศษที่อยากให้บันทึกเก็บไว้เลย

และเป็นอย่างที่วงบอกไว้จริง ๆ ว่าโชว์เต็มของพวกเขาจะสุดขึ้นไปอีกขั้น LEPYUTIN (TH) กลับมาที่สเตจ Nanmei Village Community Center เพื่อเขย่าโสตประสาทตั้งแต่เพลงแรกถึงเพลงสุดท้าย เพราะนอกเหนือดนตรีฟังสบายอย่างเพลง Lies and Shine และ Bora Bora ตลอดทั้งเซ็ตก็เต็มไปด้วยบรรดาเพลงจากอัลบั้มชุดใหม่ในสไตล์ ไซเคเดลิกร็อก โพรเกรสซิฟ กับแจ๊สฟิวชั่นที่ได้ไลน์แซ็กโซโฟนช่วยขยี้ทุกช่วงจนเวทีสั่น อาทิ The Second Son, Habitual Ceremony, Lep Zepplin ประกบคู่ Hot Box และ Lost In Translation ในบรรยากาศครื้นเครงที่เรียกให้คนดูมาร่วมสนุกบนท่อนเบรค ด้วยจังหวะเซิ้งที่เกรงว่าผู้ชมจะไม่เพลิน “So…this is our style” ไม่นานวงก็เริ่มแนะนำรูปแบบการเต้นยกมือฟ้อนแบบไทยแดนซ์ไปหนึ่งสเต็ป ก่อนส่งเข้าเอาท์โทรเดือด ๆ ที่เล่นเอากองเชียร์ชาวไต้หวันซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นแก๊งเดียวกับเพื่อนศิลปินคนไทย ผลัดกันตะโกน “ม่วนมาก!” “ม่วนโคตร!” กลายเป็นภาพที่ชวนเฮฮาดีเหมือนกัน แถมคนมารอชมเยอะมาก ๆ

เรายังอยู่กันต่อที่ Chuang Mei Theater เพราะ Lily Chou-Chou Lied (TW) เล่นเป็นวงต่อไป ทรีโอ้อิเล็กทรอนิกที่เหมือนเป็นคลื่นลูกใหม่ของซีนดนตรีไต้หวัน แค่เห็นการติดไฟเลเซอร์เต็มเวทีก็รู้เลยว่าวงนี้เอาจริง พอได้ดูวงของพวกเขาแล้วเรารู้สึกอิจฉามาก เพราะในไทยไม่มีวงอิเล็กทรอนิกที่ทำเพลงได้สนุกขนาดนี้มานานมากแล้ว พวกเขาโดดเด่นด้วยกลองชุดตรงกลางที่ใช้ดรัมแพดท์ผสมสแนร์และคิกดรัม และการมีซินธ์สองตัวกับเบสเนี่ย ยิ่งทำให้วงน่าสนใจเข้าไปอีก พวกเขายังมีจุดเด่นที่การร้องประสานชายหญิงที่ทั้งเยือกเย็นและอิมแพคต่อเพลงสุด ๆ

ถ้าทุกคนได้ดูโชว์เพลง The Foreteller ของพวกเขาสด ๆ จะยิ่งทึ่งในการเรียบเรียงเพลงของพวกเขา ที่บาลานซ์จังหวะชวนเต้นกับซาวด์สังเคราะห์ที่คึกครื้นสุด ๆ ไดนามิกของเพลงที่ทั้งถ่ายทอดอารมณ์ที่พรั้งพรูอยู่ข้างในตัวเรา กับความสนุกของเพลงก็ทำได้ดีมาก โชว์ของพวกเขาเลยยิ่งสนุกสุด ๆ และ As Usual ที่โบยตีเราด้วยซินธ์หวาน ๆ ดรัมบีทที่ดุดันลงตัวกับการร้องประสานเสียงที่นุ่มนวล แล้วซัดเราด้วยแดนซ์มิวสิคที่แพรสพราวจนเราไม่ขยับตัวตามไม่ได้ การสลับจังหวะไปมาทำให้อินกับเพลงขึ้นไปอีก

Yokkorio (TW) ขนผลงานเพลงจากอัลบั้มชุด Moirai Kiss ที่พึ่งปล่อยไปเมื่อเดือนสิงหาคมปีนี้ เพื่อมาโชว์ศักยภาพอันเต็มเปี่ยมด้วยบรรยากาศที่แตกต่างจากในออดิโอแทร็กผ่านกีตาร์โปร่งและน้ำหนักมือที่ค่อย ๆ วาดลงบนเครื่องสายเพียงหนึ่งเดียว เพราะไม่กี่นาทีที่เธอเริ่มขับกล่อมและบรรเลงมันในฉบับ Acoustic Session เราก็ตกอยู่ในภวังค์ฝันของเธอเรียบร้อย ตั้งแต่ Dive into the blue, Now ไปจนถึง Lover บวกการคัฟเวอร์เพลง Let It Be ของคณะสี่เต่าทอง The Beatles และสองเพลงที่เราชอบเป็นพิเศษอย่าง Wake Up Apart กับ Feather ที่มีเมโลดี้หวานละมุนชวนเคลิ้ม ทว่าท่อนเศร้าก็ทำเอาเหงาจับใจ ท่ามกลางแสงไฟสีส้มสลัวและผู้คนที่นั่งชมอย่างเป็นระเบียบภายในเวนิวขนาดกะทัดรัด ณ Hó Thiann Performing Arts เธอปิดโชว์ด้วย Fire เพลงจังหวะอัพบีทที่ปรับช่วงโซโล่กีตาร์ในแทร็กจริงมาเป็นท่อน “ดาดี้ดา…ดาดี้ดา” ที่แฟนคลับช่วยกันร้องประสานอย่างพร้อมเพรียง ยิ่งทำให้บรรยากาศตรงหน้านั้นน่าจดจำขึ้นไปอีก

รีบวิ่งมาหา さらさ (JP) (ซาระซะ) ที่ National Museum of Taiwan Literature Lecture Hall แต่กว่าจะหาทางเข้าเจอต้องเดินวนหนึ่งรอบ กว่าจะเดินเข้ามาในฮอลล์ได้เล่นเอาหอบนิด ๆ เหมือนกัน พอมาถึงที่นั่งเธอก็กำลังร้องเพลง อยู่ แม้โชว์เซ็ตนี้เธอจะมาแค่คนเดียว แถมเปิดแบ็กกิ้งแทร็กด้วย แต่ก็ไม่ได้ฉุดรั้งพลังเสียงของเธอให้ดูดรอปลงเลย ก่อนจะหยิบกีตาร์ขึ้นมาโชว์เพลง ネイルの島 ที่ตีคอร์ดตามเมโลดี้ร้องได้อย่างสวยงาม พร้อมท่อนโซโล่ที่เธอก็ปล่อยของอย่างเต็มที่ รวมถึงยังหยิบเพลง Ondo มาโชว์พลังเสียงสไตล์ R&B ให้เราทึ่งอีกด้วย

LUCfest 2023 Tainan Taiwan ไถหนาน ไต้หวัน LEPYUTIN MindBodySoul

MindBodySoul (TW) คืออีกหนึ่งไฮไลต์ (ประจำใจ) ที่เราต้องรีบดิ่งมาดู พวกเขาเป็นวงดนตรี 5 ชิ้นที่มีลูกเล่นแพรวพราวด้วยส่วนประกอบของอัลเทอร์เนทีฟร็อก อาร์แอนด์บี และไซเคเดลิกแจ๊ส แค่เริ่มคีย์แรกก็สะกดเราไว้แบบอยู่หมัดผ่านผลงานหลัก ๆ อย่าง People in My Mind, I Don’t Feel It ที่ขับเอกลักษณ์จากกีตาร์โซโล่และเบสไลน์กรูฟกลองสุดร้ายกาจ หรืออย่างในเพลง Don’t You Know ก็มีเสียงคีย์บอร์ดและคอรัสประสานอันออดอ้อนระหว่างชายหญิงกับไดนามิกที่ขึ้นลงอย่างเนียนกริบจนนึกไม่ถึงว่าแทร็กที่หยิบมาเล่นจะเป็นเพียงเวอร์ชั่นเดโม่เท่านั้น แต่พวกเขาต้องผ่านการอะเรนจ์เมนท์โชว์และการฝึกซ้อมมาประมาณหนึ่ง ช่วงเพลงอย่าง Yellow Funeral และ 偶然 (Cover) ก็สอดสำเนียงนุ่มลึกคู่ความรู้สึกที่ชวนปลดปล่อยอย่างลื่นไหลจนไม่อยากพลาดสักโน๊ตเดียว

LUCfest 2023 Tainan Taiwan ไถหนาน ไต้หวัน LEPYUTIN Cicada

ที่เวที National Museum of Taiwan Literature Lecture Hall เอง ก็ปิดเวทีในค่ำคืนนี้ด้วย Cicada (TW) วง Quartet ที่ประกอบด้วยกีตาร์ ดับเบิ้ลเบส ไวโอลิน และเปียโน ที่ย่อยดนตรีคลาสสิคให้ป๊อปเข้าถึงง่าย ชวนปล่อยตัวปล่อยใจไปกับการเล่าเรื่องธรรมชาติ สายลม แสงแดด ผ่านเมโลดี้อันงดงาม พวกเขาถูกนิยามว่า neo-classical จนไปถึงเป็น post-rock อีกแขนงนึงเลยทีเดียว

โดยมีเปียโนเป็นตัวหลักในการเล่าเรื่อง คอยระบายสีสันต่าง ๆ ลงไปในห้องเพลง ดับเบิ้ลเบสและกีตาร์ทำหน้าที่สร้างบรรยากาศให้เราล่องลอยไปกับดนตรีของพวกเขา โดยมีไวโอลินที่คอยขยี้อารมณ์ของเพลงให้ถึงจุดพีค ขุดมาทุกเทคนิก ทั้งการขยี้สาย การดีดสาย หรือการแตะเพื่อให้เกิดจังหวะสนุก ๆ แต่ในบางเพลงก็มีกีตาร์หรือไวโอลินเข้ามาผลัดกันลีดดนตรีบ้าง ทำให้มีไดนามิกที่เพลิดเพลินไปตลอดทั้งโชว์

ถ้านึกภาพไม่ออกว่าโชว์นี้งดงามแค่ไหนลองไปฟังอัลบั้มล่าสุดของพวกเขาอย่าง Seeking the Sources of Steams เลย คิดว่ายังไงก็คงบรรยายความประทับใจต่อโชว์นี้ออกมาเป็นตัวอักษรไม่ได้ แต่บอกได้แค่ว่าหลังจบทุกเพลง ทุกคนก็ปรบมือกันอย่างยาวนานมาก โดยเฉพาะจบโชว์ที่เสียงปรบมือคือเกรียวกราวจนเหมือนไม่มีวันหยุด

LUCfest 2023 Tainan Taiwan ไถหนาน ไต้หวัน LEPYUTIN FTK

มาต่อกันที่สเตจ Red bird night club น่าจะเป็นอีกหนึ่งเวทีกับสองไลน์อัพที่แตกแตนสุด ๆ เริ่มที่ FTK (TW) ดีเจสายเทคโน-เรฟมิวสิคที่ทักทายเราด้วยการแนะนำตัวเล็กน้อย ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าปกติจะจัดให้ชุดใหญ่ไฟกระพริบ พอเขาต้องร่นเวลาเหลือเซ็ตละ 40 นาที ก็ค่อนข้างตื่นเต้นว่าจะมัดใจผู้ชมยังไงดี แต่พอเริ่มครึ่งเซ็ตแรกเท่านั้นแหละ แม่เจ้า ถูกจริตสุด ๆ ทำนองแปลกประหลาดที่ชวนร่างกายขยับเขยื้อนตลอดเวลา สำหรับคนที่ไม่ค่อยชินกับบีทแน่น ๆ แบบเรา อาจจะสับสนนิดหน่อยว่า เอ๊ะ…ย่ำเท้าช่วงไหนดีนะ แต่ผ่านไปสักพักก็จับจังหวะมันได้ไม่ยาก ด้วยหลากหลายแนวเพลงที่เขาใส่มาทั้งซาวด์ดั้งเดิมแบบเอเชียตะวันออกไปจนถึงเบรกบีตจังเกิล ก็ทำให้เรารู้สึกว่าเขาตั้งใจ breakthrough เพื่อคนดูจริง ๆ

LUCfest 2023 Tainan Taiwan ไถหนาน ไต้หวัน LEPYUTIN 250 Korea

ถัดมาเป็น 250 (KR) หรือ Lee Ho-hyeong โปรดิวเซอร์ผู้อยู่เบื้องหลังเพลงฮอตฮิตของสาว ๆ NewJeans และเคป๊อปกรุ๊ปชื่อดังจำนวนนับไม่ถ้วน รอบนี้พี่เขากลับมาคืนตำแหน่งในฐานะดีเจสายอิเล็กทรอนิกกับการหยิบ Trot Music และ PPONG-JAK มารีมิกซ์โดยอาศัยจังหวะผสมผสานฮิปฮอปบีทและท่วงทำนองที่ขับเคลื่อนไปข้างหน้า เล่นเอาไนท์คลับในช่วงภาคค่ำแน่นขนัดไปทุกมุม ทั้งเซ็ตประกอบด้วยริทึ่มซิมเปิล ๆ แต่โคตรเด้งแบบไม่มีการหยุดพักใด ๆ ยอมรับเลยว่าฝีมือการทรานสิชั่นระหว่างเพลงคือดีมาก ฝั่งขาแดนซ์ก็ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย มองไปทางไหนก็เห็นคนโยกเอาโยกเอา ถือว่าปิดค่ำคืนวันแรกได้อย่างมีชีวิตชีวาและมีอารมณ์ขันบนเอฟเฟกต์ซิ่ง ๆ คล้ายงานรื่นเริงบ้านเราไม่มีผิด

จบไปแล้วกับวันแรก บอกเลยว่าแอบเหนื่อยเหมือนกัน แต่มีความสุขสุด ๆ ไม่ใช่เพราะโอกาสสำคัญที่ได้ดูโชว์ของศิลปินทั้งไต้หวันและต่างชาติมากมายที่เราเคยได้แต่เขียนถึงเท่านั้น แต่คนไต้หวันที่อยู่กับเราในฮอลล์ด้วย ล้วนตั้งใจฟังและตั้งใจดูโชว์ของศิลปินทุกคนจริง ๆ เชื่อว่าพวกเขาเองก็อาจจะไม่ได้รู้จักศิลปินไทยหรือศิลปินประเทศอื่น ๆ ก็ได้ แต่บอกตรง ๆ ว่าอิจฉาที่ได้เห็นพวกเขายังมาดูโชว์ของหลาย ๆ วงเยอะขนาดนี้

เราไม่แน่ใจเหมือนกันว่าคนไต้หวันเข้าใจงาน Music Showcase แค่ไหน แต่การได้เห็นรัฐบาลสนับสนุนซีนดนตรีขนาดนี้ พร้อมยังเปิดโอกาสให้ศิลปินจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาได้ขนาดนี้ ก็คิดว่าอีกไม่กี่ปี ที่นี่อาจจะมีชื่อเสียงไม่ต่างกับ SXSW ก็ได้ อยากให้ศิลปินไทยมาคว้าโอกาสกันที่นี้ให้ได้

ส่วน LUCfest วันที่ 2 จะมีวงเจ๋ง ๆ วงไหนน่าสนใจอีก ฝากติดตามบทความต่อไปของพวกเราด้วยน้า

ติดตามข้อมูลของงานได้ที่ LUCfest

+ posts

ชอบไปคอนเสิร์ตเพราะเป็นกิจกรรมที่ทำคนเดียวได้ และยังชอบแนะนำวงดนตรีใหม่ ๆ ผ่านตัวอักษรตลอดเวลา

+ posts

แบม นักเขียนน้องเล็กที่ชอบอ่านหนังสือและฟังเพลงในเวลาเดียวกัน ปัจจุบันกลับมาทำเพจ Listenist

Related Articles

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More

Privacy & Cookies Policy