Chameleon Lime Woopie Pie (คาเมเลี่ยน ไลม์ วู๊บปี้ พาย) คือศิลปินญี่ปุ่นอีกคนที่มาภาพลักษณ์โดดเด่นทุกสุดในซีนดนตรีญี่ปุ่น แบบใครเห็นครั้งเดียวแล้วจำได้แน่นอน ซึ่งภาพลักษณ์สนุก ๆ ของเธอและแฟชั่นที่มีสีสันฉูดฉาดนั้น ดันเข้ากับดนตรีป็อปอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอได้อย่างน่าประหลาด
กับการหยิบจับดนตรีอิเล็กทรอนิกเฉพาะทาง อย่างดนตรี 8-bit เข้ามาผสมได้อย่างคึกคักสุด ๆ ทำให้รสชาติป็อปของเธอไม่เคยจำเจ และมีความเป็นไปได้อีกมากมายรอให้เราได้ฟัง ไม่แปลกใจเลยที่เธอจะถูกเลือกให้ทำเพลงปิดอนิเมะ ONE PIECE ในภาค Egghead ที่มีความไซเบอร์พังก์นิด ๆ รวมถึงพัฒนาการของลูฟี่ที่เพิ่งได้เกียร์ห้ามาหมาด ๆ ก็เข้ากับดนตรีของเธอสุด ๆ
วันนี้เรามีโอกาสได้พูดคุยกับ Chi- ฟรอนต์แมนอารมณ์ดีของวงอย่างเป็นกันเอง เกี่ยวกับดนตรีของเธอทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลัง และการได้มาโชว์ที่ไทยครั้งแรกที่งาน Big Mountain Music Festival ที่ผ่านมา

ชื่อ CHAMELEON LIME WHOOPIEPIE มีที่มายังไง และมีชื่อไหนเกือบจะได้ใช้แต่สุดท้ายก็ใช้ชื่อนี้รึเปล่า
ที่มาของชื่อมาจากขนมอเมริกัน “choco lime whoopie pie” แล้วฉันก็เปลี่ยนส่วน “ช็อกโก” ให้เป็น “คาเมเลียน” เพราะฉันชอบคาเมเลียน ไม่มีความหมายลึกซึ้งเป็นพิเศษค่ะ
เคยเกือบใช้ชื่อ “Ironic Lime Whoopiepie” แต่รู้สึกว่าเท่แบบตั้งใจเกินไป เลยไม่ใช้
แล้วสมาชิกทุกคนมารวมตัวกันได้ยังไง
ฉันเริ่มทำเพลงคนเดียวเพราะรู้สึกว่าอยากทำสิ่งที่ตัวเองรักเป็นสิ่งสุดท้ายในชีวิต หลังจากเริ่มทำเพลงไม่นานฉันก็อัปโหลดเพลงต้นฉบับลงอินเทอร์เน็ตเลย แล้ว Whoopies ทั้งสองคนก็เห็นและชอบเสียงของฉัน เลยชวนฉันมาร่วมวง
ฉันทำเพลงคนเดียวอยู่แค่ประมาณหนึ่งเดือน
ช่วยเล่าเกี่ยวกับอัลบั้ม Orange ให้ฟังหน่อย รวมถึงเพลง Mushroom Beats ที่ทำเป็นสไตล์วีดีโอเกม
Orange เป็นอัลบั้มที่เต้นได้และเต็มไปด้วยความเป็น CHAMELEON LIME WHOOPIEPIE ฟังแล้วมีความสุขแน่นอนค่ะ!
สำหรับเพลง Mushroom Beats ฉันทำให้มีสไตล์เหมือนเกมเพราะรู้สึกว่าชีวิตก็เหมือนเกม RPG ได้พบ ได้จาก และสุดท้ายเราก็แค่ตายค่ะ
หลังจากได้ปล่อยอัลบั้มที่สองอย่าง Whooph It Up พวกคุณรู้สึกถึงการเติบโตขึ้นของวงยังไงบ้าง
พวกเราไม่ได้เปลี่ยนไปขนาดนั้นค่ะ แต่การที่ไม่ว่าจะมีเรื่องดีและร้ายเข้ามา เราก็ยังคงทำวงด้วยกันสามคนอย่างสนุกเหมือนเดิมนั่นคงเป็นการเติบโตอย่างหนึ่ง
คงเป็นเพราะเราเติบโตขึ้นไม่มากก็น้อย เราเลยยังทำต่อดนตรีต่อไปได้ ตอนนี้ไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไรพวกเราก็ไม่รู้สึกสะทกสะท้านแล้วค่ะ
อย่างอัลบั้ม Whooph It Up ก็เต็มไปด้วยธีมอวกาศและเอเลี่ยน ทำไมถึงเลือกสไตล์นี้ในอัลบั้มนี้
คอนเซปต์คือ “ปาร์ตี้ข้ามกาลเวลา! ผสมยุค 90’s กับปัจจุบัน ข้ามทะเลมามั่วกันให้สุด! อัลบั้มที่ทำให้คนทั้งโลกใจพองโตด้วยความตื่นเต้น”
พวกเราชอบยุค 90’s มาก ครั้งนี้เราตัดสินใจยัดทุกสิ่งที่เรารักลงไปในอัลบั้ม และยังทดลองใส่กลิ่นอาย UK rock ของยุค 90’s เป็นครั้งแรกด้วย
อย่างเพลง PUNK ก็ได้เพลงประกอบ One Piece ภาค Egghead ด้วย มันมีความท้าทายอะไร หรือแตกต่างยังไงจากการทำเพลงของเราบ้าง
เพราะ ONE PIECE เป็นผลงานที่คนทั่วโลกชื่นชอบ พวกเราจึงรู้สึกแบกรับความรับผิดชอบที่ใหญ่มาก แต่เราก็คิดว่าการที่พวกเขาเลือก CHAMELEON LIME WHOOPIEPIE มานั่นหมายความว่าเขาคาดหวังให้เราทำผลงานออกมาอย่างอิสระ และสนุกไปกับมัน พวกเราเลยพยายามทำแบบไม่กลัวและสนุกกับมัน
ส่วนที่ยากที่สุดคือการทำเพลงแบบไม่กลัวค่ะ ตอนแรกพวกเราก็กลัวมากจริง ๆ
คิดว่าตัวเองเหมือนลูกเรือในกลุ่มหมวกฟางคนไหนมากที่สุด
ฉันคิดว่า “ลูฟี่” เพราะลูฟี่มักจะทะยานสู่จุดสูงสุดจากจุดต่ำสุด เหมือนกับพวกเราที่เต้นท่ามกลางความ Negative
ลุคที่ดูเฮฮาชิล ๆ แต่แข็งแกร่งของ Gear 5 ก็เหมือนเรามากเหมือนกัน
ลูฟี่มักจะมีคำพูดติดปากว่า “ฉันจะต้องเป็นราชาโจรสลัดให้ได้!” แล้วถ้าเป็น CHAMELEON LIME WHOOPIEPIE จะพูดว่าอะไร
“พวกเราจะเป็นไอ้คนประหลาดที่ทั้งเชยแต่เท่ให้ได้!”
MV ของพวกคุณหลาย ๆ ตัวก็สร้างสรรค์สุด ๆ โดยเฉพาะ So-so Life ช่วยเล่าให้ฟังเกี่ยวกับการทำงานใน MV ตัวนี้หน่อยสิ
ตอนที่ไปเล่นที่ลอนดอน เราตัดสินใจถ่าย MV ที่นั่นด้วย พวกเราอยากเอาตุ๊กตาของพวกเราวางบนรถบังคับแล้วให้มันวิ่งไปรอบ ๆ
ฉันเขียนเพลงนี้ให้ตัวเองตอนกำลังรู้สึกแย่ เหมือนพูดกับตัวเองว่า “ชีวิตที่ดูธรรมดา ๆ ก็เปลี่ยนได้ด้วยมุมมอง มันสนุกได้เหมือนกัน เพราะงั้นก็มีชีวิตต่อไปเถอะ”
Chameleon Lime Woopie Pie มีสไตล์และดนตรีที่เป็นตัวของตัวเองมาก พวกคุณมองว่าตัวเองอยู่จุดไหนในซีนดนตรีญี่ปุ่น หรือซีนดนตรีโลก
พวกเราชอบงานครีเอทีฟมากเพราะงั้นจึงดีใจและรู้สึกขอบคุณมากที่คนเห็นคุณค่าของงานที่เราสนุกกับมัน แต่เราก็คิดว่าเพลงของเราควรถูกฟังและเป็นที่รู้จักมากกว่านี้
ถ้าศิลปินแบบ CHAMELEON LIME WHOOPIEPIE กลายเป็นมาตรฐานของดนตรีกระแสหลัก โลกของดนตรีจะสนุกและมีอิสระมากขึ้น
คุณเพิ่งเคยมาโชว์ที่ไทยครั้งแรกในงาน Big Mountain Music Festival สิ่งแรกที่คุณอยากทำเลยคืออะไร
อยากไปช็อปปิ้งที่ไนท์มาร์เก็ต และอยากลองกินแมลง ครั้งแรกที่เห็นวิดีโอคนกินแมลงฉันตกใจมาก แต่ตอนนี้รู้สึกอยากกินมาก มันดูน่ากินมาก
ถ้าต้องแนะนำ 1 เพลงในอัลบั้ม Whooph It Up กับคนไทยที่ยังไม่เคยฟังเพลงของคุณ จะเลือกเพลงอะไร
So-so Life เป็นเพลงจังหวะกลางๆ กำลังดีที่สะท้อนความเป็น CHAMELEON LIME WHOOPIEPIE ได้ดีมากที่สุด เนื้อเพลงผสมความสิ้นหวังและความหวังเข้าด้วยกัน ซึ่งก็อธิบายตัวฉันเองได้ดี
สุดท้ายแล้ว ฝากอะไรถึงแฟน ๆ ชาวไทยหน่อย
พวกเราทำเพลงสนุก เต้นได้ในญี่ปุ่น และตื่นเต้นมากที่จะได้แบ่งปันความสนุกนี้กับทุกคนในประเทศไทย! อยากเต้นกับทุกคนจริง ๆ!
