PALE BLUE DOT คือสตูดิโออัลบั้มเต็มชุดแรกจาก TOFU วงดนตรีอัลเทอร์เนทีฟร็อก สังกัด Smallroom Bangkok Pop Music หลังจากที่เคยฝากผลงานอย่างอีพี ‘NAM TAO HU’ ไว้เมื่อปี 2023 การกลับมาของพวกเขาในปีนี้จึงเป็นเหมือนการร้อยเรียงเรื่องราวผ่านดนตรีกับเนื้อหาที่มีทั้งความแปลกใหม่และล้ำลึกตามแบบฉบับของตัวเอง
โดยชื่ออัลบั้ม พวกเขาหยิบชื่อเรียกของภาพถ่ายในชื่อเดียวกันที่เคยถูกบันทึกจากทีมงาน JPL (Jet Propulsion Laboratory ที่เป็นส่วนหนึ่งขององค์การนาซ่า) ที่กำลังส่งยาน Voyager 1 ไปสำรวจดาวพฤหัสฯ รวมถึงนอกระบบสุริยะ และการค้นพบในครั้งนั้น ได้เปลี่ยนมุมมองของทุกคนมีต่อดาราศาตร์ ซึ่งมันยังแฝงด้วยปรัชญา ภายใต้ความจริงที่มนุษย์ไม่ใช่สิ่งที่ยิ่งใหญ่เหนืออื่นใด แต่กลับเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ไม่ต่างไปจากสเกลของโลกใบนี้ที่เป็น จุดสีฟ้าจาง ๆ ท่ามกลางจักรวาลอันมืดมิดและกว้างใหญ่

อัลบั้มนี้จึงเต็มไปด้วยเรื่องราวความเปราะบางของมนุษย์ โดยเฉพาะความรู้สึกนึกคิดที่บางครั้งก็เข้าถึงยาก ในทั้งหมด 16 เพลง ประกอบไปด้วยเพลงที่เคยปล่อยเป็นซิงเกิลไปแล้วครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งจะเป็นเพลงใหม่ที่เราอาจไม่เคยได้ยินมาก่อน ซึ่งจะถ่ายทอดผ่านความยาก-ง่าย ทางเอเลเมนต์ กลิ่นอายดนตรี ไปจนถึงบรรยากาศกับเนื้อหาที่แตกต่างกันไปในแต่ละเพลง และพวกเขายังหยิบ Quote ที่ปรากฏในหนังสือ “Pale Blue Dot: A Vision of the Human Future in Space” มาเป็นบทเกริ่นนำในเพลง INTERSPACE อีกด้วย
แม้คอนเซ็ปต์อัลบั้ม อาร์ตไดเร็กชั่น และเพลงแอมเบียนต์บางส่วนที่เป็นแทร็กแบบ Interlude จะค่อนข้างมีความ Futuristic ทำให้การลองฟังครั้งแรกแบบรวดเดียวอาจต่อไม่ติดสักเท่าไหร่ เพราะส่วนตัวอยากให้การเรียบเรียงเพลงไปในทิศทางเดียวกันมากกว่า อย่างไรก็ตาม เพลงที่ดูเหมือนจะไม่เข้ากันกับภาพรวม วงก็กลับทำได้ดีและมีศักยภาพพอจะหักล้างตรงนี้ ถือเป็นข้อดีที่หากแต่ละเพลงมีลักษณะใกล้เคียงกันเกินไป ก็อาจไม่น่าจดจำหรือดึงความสนใจได้

เมื่อเราพยายามลองฟังอีกหลายรอบ ก็ค้นพบว่าทั้งหมดนี้เป็นการก้าวข้ามขีดจำกัดของพวกเขาเอง ทั้งความไม่ลงรูปลงรอย ความต้องการที่อยากจะสร้างภาพจำใหม่ให้แก่ผลงานเพลง เราอาจไม่คาดคิดมาก่อนว่า TOFU จะทำเพลงร็อกได้เข้มข้นระดับเก่งกาจ จนกระทั่งวงได้ฝากสามเพลงอย่าง NOISE CANCELLING, ของมีตำหนิ (WABI-SABI) และ บ่น (FUZZY) ที่มีซาวด์เบสหน่วงหนึบ กีตาร์ที่หยอกเย้ากับฟีดแบ็ค กลองกระฉับกระเฉงกึ่งแพทเทิร์น Motorik ผสมซาวด์สังเคราะห์ที่แปลกประหลาดแต่น่าประทับใจ ซึ่งวงก็พยายามใส่กลิ่นอายของดนตรีฮาร์ดร็อก โพสต์พังค์ รวมถึงไซคีเดลิกป๊อปใน FLOWERS ที่บอกเล่าช่วงเปลี่ยนผ่านมาสู่สไตล์เพลงยุคปัจจุบันอย่างได้ชัดเจน
กระทั่งเพลงจังหวะช้าถึงกลาง พวกเขาก็สามารถถ่ายทอดความลึกซึ้งทางอารมณ์ได้หลากหลายรูปแบบ เช่น SIMPLE SONG ที่มาพร้อมเมโลดี้โทนสว่างและคำร้องอบอุ่นเรียบง่ายในสไตล์ป๊อปฟังสบาย, SO, I CAN’T SAY ที่สื่อสารผ่านการสร้างบรรยากาศหม่นหมอง ก่อนระเบิดมันออกมาด้วยมวลดนตรีที่กลมกล่อม, ในวันเก่า (Good Old Days) ที่เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งการยอมรับ ขอบคุณ และความหวังในการก้าวเดินต่อไปข้างหน้าอย่างมีพลัง โดยเฉพาะพาร์ทที่ใส่ท่อนโซโล่กีตาร์สุดตราตรึงและการร้องมีลูกคอแบบสเตเดียมร็อกเข้ามา
PROMISE เพลงรักในท่วงทำนองบัลลาดที่แสนละมุนละไมด้วยเสียงร้องนุ่มนวล เย้ายวน ผสมกลิ่นอาย Soulful จากเปียโนและแซ็กโซโฟนที่ลูบไล้ผู้ฟังอย่างแผ่วเบาจนรู้สึกเคลิบเคลิ้บตาม, SHATTERED ILLUSION ที่มีการเรียบเรียงของ Orchestral Arrangement เปรียบเสมือนมวลพลังที่โอบกอดเรา ก่อนจะพังทลายลงต่อหน้า สำหรับเราคิดว่าเพลงนี้เป็นอีกเพลงเก่งของวงที่น่าจะติดหูกันไปยาว ๆ
ในส่วนถัดมาจะเป็นสี่เพลงที่ถือว่าค่อนข้างแปลกใหม่สำหรับผู้ฟังทุกคนที่มีต่อวงไปไม่น้อย ตั้งแต่ X 9:12 ที่ใช้โครงสร้างบบโพรเกรสซิฟ, MULTIVERSE ในสไตล์แร็ปแจ๊สที่ชวน Young Petch มาฟีทเจอริง, SAVE AS HOUSES ที่ฉีกมาอิเล็กทรอนิกส์บีท ผสมผสานอาร์แอนด์บีที่มีรสชาติแบบเพลงเฮาส์ชวนโยก, COSMIC SYMPHONY แทร็กที่ชูโรงด้วย String Section หรือการนำเครื่องสายซึ่งเสริมด้วยเปียโนมาบรรเลงส่งท้ายอย่างลึกลับท่ามกลางบรรยากาศแบบ Cinematic คล้ายกับว่าภายในอนาคตยังมีอะไรที่น่าตื่นเต้นรอพวกเขาอยู่
อ่านต่อ: 14 ปีการเดินทางของ Cloud Behind กับภารกิจสำรวจใจที่แปรผันดั่งพายุฝนใน ‘Troposphere’

แบม นักเขียนน้องเล็กที่ชอบอ่านหนังสือและฟังเพลงในเวลาเดียวกัน ปัจจุบันกลับมาทำเพจ Listenist
