ในบรรดาวงดนตรีหลาย ๆ วงจากเชียงใหม่ที่ฟอร์มขึ้นเมื่อไม่กี่ปีนี้ ชื่อของ Srwks. (Sorrow Weeks) ก็อาจจะกลายเป็นที่รู้จักสำหรับใครหลายคนไปแล้วเรียบร้อย พวกเขาคือวงดนตรีอัลเทอร์เนทีฟร็อก ที่ผสมกลิ่นอายของชูเกซและดรีมป๊อปได้กลมกล่อม ทางวงพึ่งปล่อยอัลบั้มเต็มชุดแรกอย่าง Pizza Party Tequila & Xanax ที่ดูเหมือนเป็นชื่อที่สนุกแต่ก็ขมปร่าไปด้วยแอลกอฮอล์และฤทธิยา
ทว่า คอนเซ็ปต์อัลบั้มนี้กลับถูกถ่ายทอดราวกับไดอารี่ที่เขียนขึ้นจากประสบการณ์ ภาพทรงจำ และ ความสัมพันธ์ในรูปแบบต่าง ๆ ออกมาเป็นเนื้อหาและท่วงทำนองอันหลากหลาย ตั้งแต่ช่วงวัยเยาว์ วัยรุ่น ไปจนถึงความยากลำบากของการก้าวสู่เป็นผู้ใหญ่แบบเต็มตัวที่เราอาจปฏิเสธมันในตอนต้น กระทั่งความขื่นขมในแต่ละช่วงชีวิตที่บางครั้งเราต้องฝืนกลืนลงไป จนกว่าจะคุ้นชินกับมันในที่สุด
สำหรับอัลบั้ม ‘Pizza Party Tequila & Xanax’ จะประกอบด้วย 10 เพลงที่มีทั้งห้วงอารมณ์สุข เศร้า บ้างก็รวดร้าว ผสมกับท่าทีที่พวกเขาใส่ความซุกซนและความขบถแตกต่างกันออกไปในแต่ละเพลง เริ่มที่ ‘Shinigami(死神)’ กับการสตรัมทางคอร์ดสไตล์บริทร็อกที่ค่อย ๆ เทิร์นเป็นริฟฟ์เก่งของเพลง ซึ่งติดหูและจดจำได้ในทันที คลอไปกับเสียงของนักร้องสาว ยังมีเบสไลน์ และไดนามิกกลองที่เสริม เข้ามาไม่ให้เพลงเรียบแบนจนเกินไป ก่อนจะฝากท่อนกีตาร์โซโล่ที่สร้างบรรยากาศเท่ ๆ ไว้ช่วงท้าย
ถัดมา ‘Dancing Shrimp’ พวกเขาใช้โครงสร้างและการเรียบเรียงที่ค่อนไปทางแนวดรีมป๊อปฟุ้งฝัน ในความขมุกขมัวยังมีรสหวานละมุนที่แสนเย้ายวนด้วยเสียงร้องคอรัสชายหญิงแบบ Etereal Wave และไลน์กีตาร์นุ่ม ๆ สื่อถึงความสุขอันเรียบง่ายที่มีต้นตอจากเมนูโปรดอย่าง “กุ้งเต้น” ที่นัวกำลังดี ต่อกันที่ ‘Limbo’ ที่สาดกำแพงเสียงสุดพร่ามัวและก้องกังวานในสไตล์ชูเกซเจือดนตรีกรันจ์เล็กน้อย แล้วโยกไปท่อนบริดจ์ที่ผ่อนเทมโปลงมา ก่อนจะบิวด์อัพซาวด์ทั้งหมดขึ้นมาแบบอิมแพคอีกครั้ง
ในเพลง ‘Hydrangea’ สังเกตว่าพวกเขาปรับน้ำเสียงให้ความเศร้าสร้อยและเปลี่ยวเหงากว่าเดิม ระหว่างการคงอารมณ์ของเพลงไม่ให้จมดิ่งมากเกินไปด้วยบีทกลองจับคู่กับซาวด์ดรัมแพด ท่ามกลางบรรยากาศที่พูดถึงความ(เคย)รักในบางสิ่งและความรู้สึกอันซับซ้อนที่เกิดขึ้นในใจ แต่เอเลเมนต์ในเพลงนี้กลับเรียบง่าย เข้าถึงอารมณ์ได้ ตามด้วย ‘Rolling Thunder Boi’ ที่เปลี่ยนมู้ดเป็นจังหวะกระฉับกระเฉงในทุก ๆ เอเลเมนต์บนเพลงนี้ โดยเฉพาะแพทเทิร์นที่ฟังดูไม่ยุ่งยากนัก แต่ฟังแล้วสนุก โยกตามได้ แถมเปี่ยมพลังวัยรุ่นแบบสุดขีด
ส่วนเพลง ‘Purest Tears of a Middle-Aged Loser’ คือแทร็กความยาวร่วม 7 นาทีในจังหวะเนิบ ๆ สไตล์ Slowcore ที่ลูปด้วยความพร่าเลือนทางเมโลดี้ แม้เพลงนี้จะไม่ได้มีไดนามิกหวือหวา กลับกัน การทับซ้อนของเลเยอร์โดยรวม สามารถพาเราทุกคนติดอยู่ในภวังค์ทางอารมณ์ที่ค่อย ๆ ตกตระกอนได้อย่างแนบเนียน ต่อที่ ‘Way To Home’ ที่ชูความเป็นนิวเวฟ-โพสต์พังค์ซึ่งไม่ได้หลุดจากกลิ่นอายเพลงทางเลือกยุค 80s ผ่านบีทของดรัมแพด ยกเว้นเบสไลน์ กีตาร์ และเสียงร้องที่ยังคงเอกลักษณ์ของพวกเขาไว้อยู่ เช่นเดียวกับเพลงก่อนหน้านี้
ก่อนปิดท้ายด้วย ‘Q&A’ ซิงเกิลเดบิวต์ที่ทางวงเคยปล่อยไปเมื่อสองปีก่อน โดยเพลงนี้จะต่างจากเพลงอื่น ๆ ในอัลบั้มเพียงเล็กน้อย ทั้งโทนเสียงร้องที่มีความใส รวมถึงเมโลดี้ที่ป๊อปขึ้นบนโครงสร้างที่เรียบง่ายมากอีกเพลง คล้ายช่วงเวลาที่ยังรู้สึกไร้เดียงสาถึงการตั้งคำถามในการใช้ชีวิต จนไปถึงอาการเขินอายที่อยากทำความรู้จักกับใครสักคนแล้วเราต้องเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาก่อน อัลบั้มชุดนี้จึงไม่ได้มีเพียงความหม่นหมองที่ระบายออกมาในฐานะมนุษย์คนหนึ่งเท่านั้น แต่มันยังเต็มไปด้วยรอยยิ้มปริ่มน้ำตาที่ทำหน้าที่เป็นเพื่อนเรายามโดดเดี่ยว

อ่านต่อ DELVE INDISTINCT ผลงานแห่งการกะเทาะเปลือกและเจาะลึกถึงความรู้สึกจากเหล่าศิลปินสายพร่า

แบม นักเขียนน้องเล็กที่ชอบอ่านหนังสือและฟังเพลงในเวลาเดียวกัน ปัจจุบันกลับมาทำเพจ Listenist
