SALAD นำซาวด์ร็อกในความทรงจำกลับมาให้เรารู้สึกเป็นวัยรุ่นอีกครั้ง

by Montipa Virojpan
2K views
Salad Fruity Love Beach Music Interview

ไม่บ่อยนักที่เราจะได้ยินซาวด์ดนตรีสาก ๆ ชวนนึกถึงวงมัน ๆ ที่ได้รู้จักตอนหัดเริ่มฟังเพลง ช่วงนั้นน่าจะเป็นช่วงที่ชีวิตไม่ต้องดิ้นรนอะไรมาก แค่ตื่นเช้าไปเรียนให้ทัน สอบไม่ตก มีเวลาไปดูคอนเสิร์ตกับฟังเพลงดี ๆ หรือได้ตกหลุมรักคนห้องข้าง ๆ ก็มีความสุขแล้ว ซึ่งเพลงของ SALAD ก็ดึงเอาบรรยากาศเลือนรางของช่วงเวลาเหล่านั้นกลับมาหาเราได้ครบถ้วนผ่านเพลงร็อกหลากแขนง และเมื่อได้ฟังก็ทำให้เผลอยิ้มออกมาได้โดยไม่รู้ตัว… ว่าแต่พวกเขาเป็นใครกันนะ

อันที่จริงเราน่าจะคุ้นเคยกับทั้งสามคนมาบ้าง เพราะพวกเขาวนเวียนอยู่ในซีนมาอย่างยาวนานในฐานะสมาชิกของวงอย่าง Kinetics, Part Time Musicians, Cloud Behind, Folk9, H1F4, Kunst และอีกมากมายเกินจะร่ายนามได้หมด ที่น่าประหลาดคือทั้งสามคนไม่เคยทำเพลงด้วยกันมาก่อนเลย! แต่ด้วยบทสนทนาในวงจิบเบียร์และการพบปะกันในโอกาสต่าง ๆ ทำให้ค้นพบว่าจริง ๆ แล้วเคมีและรสนิยมดนตรีของแต่ละคนก็เข้ากัน จนจับพลัดจับผลูให้มารวมตัวกันเป็น SALAD ในที่สุด

สมาชิก SALAD กร(ซ้าย) ป่าน(กลาง) จิน(ขวา)

สมาชิก SALAD
จิน—วรเมธ มาตุธรรมธาดา (ร้องนำ, กีตาร์)
ป่าน—กรวัฒก์ แสงทวีป (เบส)
กร—กร วิชิตทรัพยากร (กลอง)

ทำไมต้องเป็นสามคนนี้

ป่าน: เราเป็นเพื่อนกันมานาน บางทีก็เที่ยว สังสรรค์กัน แต่ไม่ได้เล่นดนตรีด้วยกันมานานขนาดนั้น

จิน: เหมือนตอนที่เริ่มทำวงด้วยกันครั้งแรก คือ Acid Job รู้สึกว่าสามคนนี้ทำงานด้วยกันแล้วเคมีตรงกัน แค่นั้นเลยง่าย ๆ รู้สึกว่ามันสนิทใจกัน

เริ่มทำ SALAD ตั้งแต่เมื่อไหร่

จิน: ประมาณตุลาคม 2022 ช่วงนั้นแต่งเพลงให้ผู้หญิงคนนึง อีกส่วนก็ได้แรงบันดาลใจจากการแฮงเอาต์กับคนที่อายุต่างกันเยอะ เพราะตอนอยู่เกาหลีใต้เขาส่งเราไปเรียนภาษาที่โรงเรียนภาษาในมหาลัยก็ได้เจอเด็กมหาลัยเยอะ เด็กกว่าเรา 10 ปี บางทีไปกินเหล้าอะไรกัน ก็สังเกตว่ามันคุยคนละภาษาเลย ก็เลยอยากลองทำเพลงที่ขายคนอีกเจนนึง ก็รู้สึกว่าตัวเองกลับมาเป็นเด็กอีกครั้งนึง 

แนวเพลงที่เด็กอีกรุ่นนึงชอบ ต่างจากที่เคยทำมายังไงบ้าง

จิน: เราโตมาปลาย 90-2010s มันต่างกันเยอะมาก ๆ คนละอย่างเลย มีช่วงนึงเหวอไปเหมือนกัน แบบ เพลงอะไรวะ แต่ดนตรีก็เป็นไซเคิลที่มันก็จะวนกลับมา เลยคิดว่าทำไมเราไม่ทำอะไรที่เราอยากทำกัน

งั้นลองบอกคร่าว ๆ หน่อยว่า SALAD จานนี้รสชาติประมาณไหน

จิน: ตอนนี้ทำกันมา 16 เพลง คัดมาปล่อยเป็น EP 5 เพลง ใน EP นี้ก็ได้อิทธิพลมาจากดนตรีร็อกยุคนั้นหลาย ๆ แนว ผสมผสานทั้ง grunge, shoegaze, doom metal, sludge metal เป็นการย้อนกลับไปวัยเด็กของตัวเอง เพลงจะเด่นในเรื่อง low frequency อยากให้คุณโยกได้ หัวใจของมันคือ slow dance บางทีมันก็เป็นอะไรที่เติมเต็มเหมือนกันนะตอนเอามาเล่น มาซ้อม สนุกดี แต่ถามว่าเราทำให้เหมือนเขาเลยไหม เราทำไม่ได้หรอก มันเป็นมุมมองการตีความของคนที่โตยุคนั้น แล้วเราเลือกมานำเสนอ ณ ตอนนี้ อย่าง Smashing Pumpkins เพลง Mayonaise มันเป็นเพลงที่หนักอะ แต่มันก็มีความ slow dance อยู่ รู้ใช่ปะว่าวงเขาก็มี My Bloody Valentine เป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจ ซึ่งมันก็เป็นการตีความเพลงแนวนั้นมาอีกที

จริง ๆ คอนเซ็ปต์แรกของวงคือทำเพลงง่าย ๆ จริงใจ ๆ ให้เมาตอนเล่นได้ แต่พอทำไปได้ 5-6 เพลงแล้วรู้สึกเบื่อ มันไม่ได้ ตอนนี้วงก็เลยไม่มีลิมิต ยังไม่อยากสรุปให้ตัวเองเป็นแนวอะไรแนวเดียวด้วยซ้ำ รู้สึกว่าเดี๋ยววงมันต้องพัฒนาไปเรื่อย ๆ ในทางของมัน เพดานจะไปแนวไหนก็ไม่สนใจแล้ว

SALAD

EP Beach Music

จิน: เป็นคอนเซ็ปต์ EP ที่เรียงเรื่องราวมาทั้งหมด จำกัดความมันเป็น ‘Love songs in the keys of doomed’ เพราะเราก็ได้แรงบันดาลใจจาก doomed metal เราเป็นคนเขียนเนื้อเพลงเป็นหลัก เป็นการตีความระหว่างตัวเองกับความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างเป็น doomed romantic กับรู้สึกว่าเวลาไปดูคลื่น มันดูสงบก็จริง แต่อันที่จริงมันไม่ได้สงบขนาดนั้น ก็เลยเลือก shoegaze เป็นหลักเพราะรู้สึกว่ามันเป็นคลื่นที่อยู่ข้างในเรากับความสัมพันธ์แบบนั้น 

อย่างเพลงชื่อ ‘Wooden Bar’ เป็น interlude ที่เราพยายามล้อไปกับความรู้สึกอ่อนไหวที่มีกับบรรยากาศ ณ ตอนนั้น ทำให้เป็นไทม์แมชชีนสำหรับตัวเองเพื่อเซ็ตมู้ด ถ้ามองเป็นบ้าน เป็นงานสถาปัตยกรรม มันก็คือส่วน foyer ด้านหน้าที่เดินเข้ามาแล้วได้ปรับอารมณ์ก่อนเข้าไปส่วนอื่น ๆ

ทางวงเราก็มองว่ามันคือไทม์สแตมป์ที่บันทึกโมเมนต์ที่เรารู้สึก ณ ช่วงนั้น แต่หลังจากนั้นก็จะไม่ใช่แล้ว ในอัลบั้มมันจะเลยป้ายไปเป็นเรื่องอื่น แต่มีตามมาแน่นอน ส่วนพาร์ตดนตรี ด้วยความที่มันเข้าขากัน แจมสักพักนึงก็ได้เพลง

ป่าน: ช่วงแรก ๆ พี่จินจะแต่งมา แต่พอจบ EP ตอนหลัง ๆ เกิดจากการแจม อยู่ดี ๆ ก็ขึ้นมาแล้วต่อกันออกมาเลย 

กร: สองเพลง สามเพลงบ้าง

ความยากของการเริ่มโปรเจกต์ใหม่ 

จิน: เรื่องซาวด์เนี่ยแหละ การหาอุปกรณ์ให้ใช่ หากีตาร์ หาแอมป์กี่ตัว คือพอเล่นแล้วมันต้องชอบ ไม่ใช่เล่นแล้วมาบอกเอนจิเนียร์ให้เขามิกซ์ทีหลัง เราต้องเอาให้ชอบแต่แรกเลย ใครจะเอาไปทำต่อมันก็จะง่าย นี่ก็ได้เฟรม ซาวด์เอนจิเนียร์ของที่ค่ายทำให้ เราก็ให้เขามิกซ์ เป็น recording engineer คนเดียวเลย เราก็ไว้ใจที่จะทำงานด้วยกันกับเขา เรื่องทีมอาร์ตน้อง ๆ ที่ค่ายก็หามาให้ เราบอกไปแล้วว่าอยากได้ยังไง ก็เชื่อใจเขาอีกเหมือนกัน ก็น่าสนใจที่มันเป็นการตีความในมุมมองของคนอื่น

ไม่ใช่ว่าเป็นศิลปินแล้วใช้ persona ตัวเองตัดสินงานตัวเอง คือมันก็ไม่ผิดที่จะมีคนทำแบบนั้น แต่อันนี้เป็นเวย์ที่เราได้สนุกกับการสำรวจในโลกใบนี้ อาจจะแก่ด้วยมั้ง แล้วเหนื่อย ทำไมต้องทำทุกอย่างเองในเมื่อเรามีค่าย มีคนในทีมซัพพอร์ตทุกอย่างอยู่แล้ว ดังนั้นเราใช้ตรงนี้ให้เป็นประโยชน์ดีกว่า เพราะมันเคยมีประสบการณ์ มานั่งคิดเองอะไรเองทุกอย่าง ประสาทแดกพอดีกว่าจะจบเพลง มันต้องแก้ ต้องทำใหม่ จับจดกับดีเทลโดยที่เพลงเปลี่ยนไปแค่ 0.02% มันไม่เฮลตี้กับเราด้วย 

คอนเซ็ปต์ภาพที่อยากได้

จิน: เราก็บอกเขาคร่าว ๆ ไปว่า Beach Music มันเป็นความทรงจำ แล้วเราชอบดูหนัง Andrei Tarkovsky แต่ก็ไม่ได้บอกว่าขอภาพเหมือนอย่างนั้น บอกไปแค่ว่าขอเป็นขาวดำนะ ค่ายก็เลือกศิลปินที่เหมาะกับวงให้ แล้วก็เป็นหน้าที่ของศิลปินที่จะตีความเพลงเรา เหมือนประชุมกันในทีมแล้วถามเขาว่าเห็นภาพเป็นยังไงบ้าง

คิดว่า SALAD โดดเด่นจากอัลเทอร์เนทิฟร็อกวงอื่น ๆ ยังไง

จิน: ซาวด์ เราคิดว่าไม่เหมือนใครเพราะเราเชื่อว่าศิลปินแต่ละคนมองโลกไม่เหมือนกัน เราก็มีมุมมองอีกมุมนึงเกี่ยวกับความรัก ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วเราก็เป็นคนเนิร์ด ที่พยายามจะจีบสาวฮอตตลอดเวลา บางครั้งก็ได้บ้างไม่ได้บ้าง (หัวเราะ) 

SALAD

ตั้งเป้าหมายกับวงนี้ไว้ยังไงบ้าง

จิน: อยากให้เพลงมันไปสากล อยากให้มันขายได้ทั้งโลก อยากให้มองว่าเราเป็น Asian band วงนึง แล้วทุกคนก็เคยอยู่ต่างประเทศกันหมด แต่ตอนนี้เราอยากไปในฐานะวง ไปเล่น อยากทัวร์เฟสติวัล ได้ไปเล่นที่นู่นที่นี่มันคงสนุก ให้ดนตรีได้พาเราไปในที่ที่ไม่เคยไป ได้เจอวัฒนธรรมอื่น

เอาจริงปกติทำงานเบื้องหลังรับงานนู่นนี่ ตอนนี้ก็รับน้อยลง แล้วโกลเราเปลี่ยนมาเป็นนักดนตรี ซึ่งไม่ใช่ norm ของประเทศนี้ ก็ต้องยอมรับว่าเรามีความได้เปรียบประมาณนึง เราก็ต้องใช้ให้มันเป็นประโยชน์ คือแค่นี้ก็โชคดีแล้ว

ข้อจำกัดที่จะทำให้ไปไม่ถึงเป้าหมาย

จิน: เพราะเราไม่ได้ทำเพลงกันตลอด ดังนั้นเราก็ต้องทำเพลงด้วยกันสักที ก็คือทำให้มันดีแต่ไม่ต้องไป overproduce แบบกว่าจะได้แต่ละเพลงต้องคิดตั้งนาน ตอนนี้เราแค่ทำออกมาแล้วชอบ ฟังแล้วยิ้ม เราจริงใจกับสิ่งที่เราทำตั้งแต่กระบวนการแรก เราพอแล้ว แต่ถ้าทำอะไรออกมาแล้วถ้าคนฟังชอบอีกมันก็เป็นกำไรบวกไปอีก มันคาดหวังอะไรไม่ได้

อะไรทำให้กลับมาสู่การทำงานแบบเรียบง่าย 

จิน: เพราะว่าทำงานอยู่โปรดักชันเบื้องหลังเยอะ ทำงานกับศิลปินหลากหลายรูปแบบ แล้วก็รู้ว่าอะไรที่เราต้องการ การที่เราทำเบื้องหลังมาเราก็ได้เรียนรู้จากเขาด้วย ก็เอาตรงนั้นมาปรับใช้กับตัวพวกเราเอง แล้วก็เชื่อใจในวง ในทีม เชื่อใจทุกอย่าง SALAD นี่พอส่งเนื้อเพลงไปแล้วเขาบอกเอาเลย ผมเชื่อใจพี่ มันมีแมจิกระดับนึงเลย คือไม่ต้องมองหน้าก็รู้ใจว่าจะเล่นอะไรต่อ ไม่ต้องนับอะไรเลยวงนี้ แล้วเราก็สนิทกันมากขึ้นด้วย


ติดตามข่าวสารของวง และเพลงใหม่ ๆ ของ SALAD ได้ที่ Facebook และ Instagram และรับฟัง Fruity Love จากพวกเขาได้ ที่นี่

Related Articles

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More

Privacy & Cookies Policy