Flower.far เมื่อเมล็ด r&b พันธุ์ไทยเริ่มผลิบานสู่สายตาชาวโลกอย่างงดงาม

by Montipa Virojpan
353 views
Flower.far Interview

ฟาร์—พิชญานิน หนูศรี หรือที่รู้จักกันว่า Flower.far คือศิลปิน r&b คนล่าสุดที่เราอยากให้ทุกคนจับตามอง ด้วยเสียงร้องที่ทรงพลังและความสามารถในการเขียนเพลงที่น่าทึ่งร่วมกับโปรดิวเซอร์ MENO ทำให้เพลงแรกของเธอที่ชื่อ ‘Like A Fool’ เป็นเพลงภาษาอังกฤษที่นำเสนอสำเนียงร้องเอื้อนไทยได้น่าสนใจและมีเอกลักษณ์ จนเมื่อซิงเกิ้ลที่สอง ‘ตัดไปให้พอ’ ที่ร้องเป็นภาษาไทยแต่มีกรูฟเย้ายวนที่ถ้าใครผ่านมาฟังก็จะต้องเคลิ้มตามโดยไม่ติดกำแพงภาษา ความผสมผสานหลากวัฒนธรรมทำให้ฟาร์ไม่เป็นสองรองใครในวินาทีนี้จนเราต้องชวนเธอมาพูดคุยกันในคอลัมน์ Transmission ถึงก้าวแรกที่เปิดตัวได้งดงามในเวลาอันสั้นและเป้าหมายที่เธออยากจะทำให้ได้

Flower.far

เด็กหญิง ‘ฟลาวเวอร์’ ถูกตั้งชื่อตามพี่สาวสองคนที่ชื่อ ‘เฟิร์น’ กับ ‘ฝ้าย’ แต่คนรอบตัวเรียกเธอสั้น ๆ ว่า ‘ฟลาว’ จนเพี้ยนไปเป็น ‘ฟาร์’ เติบโตขึ้นมาในจังหวัดพัทลุงท่ามกลางครอบครัวที่รักในเสียงเพลง พ่อของเธอชอบฟังเพลงลูกทุ่งและเพื่อชีวิต ส่วนแม่ชอบฟัง Mariah Carey กับ Celine Dion เธอซึมซับดนตรีเหล่านี้เข้ามาจนกลายเป็นความชอบ วันไหนที่เพื่อน ๆ ของพ่อมาที่บ้าน ทุกคนจะนั่งล้อมวงกันโดยมีพ่อเล่นกีตาร์และฟาร์รับหน้าที่ร้องและเต้น เมื่อโตกว่านี้อีกนิดฟาร์ก็เริ่มหาแนวเพลงใกล้เคียงกับศิลปินที่เคยได้ยินมาฟังมากขึ้นเรื่อย ๆ จนได้พบว่า r&b โซล และกอสเปลคือแนวเพลงโปรด โดยมี Aretha Franklin, Rihanna และ Doja Cat เป็นแรงบันดาลใจ

เหมือนกับเด็กคนอื่น ๆ ฟาร์ในวัยมัธยมก็เริ่มค้นหาตัวเองด้วยการลองทำหลายสิ่งหลายอย่าง ทั้งเป็นนางรำ เล่นกีฬา เต้นบีบอย จนเธอวกกลับมายังสิ่งที่ชอบมาโดยตลอด ฟาร์เลือกร้องเพลงเป็นกิจกรรมเพิ่มเติม และครูประจำวิชาก็เห็นความสามารถของเธอจึงผลักดันให้ไปเรียนต่อในโรงเรียนที่ใหญ่ขึ้นและสามารถส่งเสริมเธอในด้านนี้ได้เต็มที่ ฟาร์จึงไปสมัครเข้าชั้นมัธยมปลายที่โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัยด้วยการสอบความสามารถพิเศษขับร้อง และเมื่อสอบผ่าน เธอต้องจับพลัดจับผลูมาฝึกซ้อมอย่างหนักหน่วงเพื่อที่จะเดินสายประกวดชิงรางวัลสร้างชื่อเสียงให้โรงเรียน ซึ่งก็เป็นปกติที่การไปแข่งก็ต้องมีทั้งได้รางวัลบ้าง ไม่ได้รางวัลบ้าง

“ตัวเองคิดว่าได้ทำในสิ่งที่ชอบเฉย ๆ แต่เวลาอาจารย์สอนเขาจะสอนจริงจัง เราก็เลยต้องร้องจริงจัง ตอน ม.4 อาจารย์ชอบให้ไปแข่งลูกทุ่ง ลูกกรุง แล้ววิธีการที่อาจารย์สอนคือร้องเสียงใหญ่ ร้องแข็งแรง ถึงจะได้คะแนน ถ้าเห็นคลิปที่หนูเคยไปประกวด Hotwave ตอนนั้นชื่อวง Gravity ก็จะเห็นว่าฟาร์ร้องเสียงใหญ่นะ แต่พอเข้ามหาลัยก็ได้รู้ว่าวิธีการร้องต่าง ๆ ที่เราเคยรู้มามันไม่ใช่ เพราะเสียงเราเล็กแหลม พอเรียนรู้มากขึ้นก็ลองเปลี่ยนจนได้ร้องในแบบที่สบายแล้วก็เป็นตัวเองที่สุด”

ตอนนี้ฟาร์อายุ 22 ปี กำลังเรียนอยู่คณะดุริยางคศิลป์ สาขาดนตรีสมัยนิยม เอกขับร้อง มหาวิทยาลัยมหิดล และได้รู้จักกับเพื่อนและรุ่นพี่ที่มีความสนใจคล้ายกัน ครั้งหนึ่งเสียงของเธอได้ไปอยู่ในงานโปรเจกต์จบของ v. ชื่อเพลงว่า ‘Rise and Fall’ โดยร้องคู่กับ PANNAGUS ซึ่งมีคนให้ความสนใจเพลงนี้อยู่จำนวนไม่น้อย ก่อนที่จะมารู้จักกับ มิค—เพชรภูมิ เพชรแก้ว หรือ Mick Petchpoom aka ZUCKMAMICK ที่เป็นทั้งมือกีตาร์วง I HATE MONDAY โปรดิวเซอร์คู่บุญของ AUTTA และเบื้องหลังความสนุกแห่ง Coverดีๆมักจะมาตอนเมากาว จนเธอได้ไปปรากฏตัวในหลาย ๆ เพลงของช่องนี้ ทั้ง Troye Sivan‘Baby Angel ในจักรวาลลูกทุ่ง’ หรือ ‘เฮอร์ไมโอน้อง ในจักรวาลอนิเมะ’ และเพลงแสบ ๆ อย่าง GAYLE‘abcdefu City Pop Ver. But พุ่มพวง ดวงจันทร์ โดยที่เธอไม่รู้ว่าโอกาสสำคัญครั้งใหญ่กำลังเข้ามาทักทาย เมื่อ AUTTA ได้แนะนำให้เธอส่งเดโม่ไปออดิชันโครงการ YOUNG YUPP!

ในช่วงเกือบสิบปีมานี้วงการดนตรีไทยเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป ก่อนที่โค้งสุดท้ายจะคึกคักและพุ่งตัวก้าวกระโดดขึ้นมากอย่างมีนัยยะ ส่วนหนึ่งก็ด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคและมุมมองความคิดที่เปลี่ยนไป ทำให้เราได้เจอศิลปินหน้าใหม่และวิธีการทำงานรูปแบบใหม่ที่ทำให้เพลงไทยน่าสนใจกว่าเดิม YUPP! เองก็เป็นค่ายเพลงที่เกิดขึ้นมาจากช่วงที่วงการฮิปฮอปในไทยกลับมาได้รับความนิยมแบบฉุดไม่อยู่ ซึ่งพวกเขาได้เล็งเห็นศักยภาพของศิลปินไทยจำนวนหนึ่ง และผลักดันให้หลายคนมีชื่อเสียงโด่งดังไกลไม่ใช่แค่ในระดับประเทศ อย่างเช่นความสามารถของ AUTTA หรือ MILLI ก็ถูกผู้ฟังทั่วโลกพูดถึงอยู่บ่อยครั้ง ภายหลังทางค่ายเองก็มีการปรับรูปแบบให้ไม่เพียงแต่โฟกัสที่ศิลปินฮิปฮอปเพียงอย่างเดียว แต่เชื่อว่ายังมีความเป็นไปได้สำหรับศิลปินไทยอีกหลายแนวเพลงที่รอให้โลกได้มาค้นพบ การปลุกปั้นให้โครงการ YOUNG YUPP! เกิดขึ้นก็เพื่อสิ่งนี้

ระยะเวลาการคัดเลือกศิลปินหน้าใหม่เพื่อเข้าร่วมโปรเจกต์นี้ใช้เวลาครึ่งปี โดยให้ส่งคลิปเข้ามาในรอบ Zoom Audiotion ให้โจทย์และนัดส่งการบ้านเป็นเฟส ๆ โดยคัดจากพันกว่าคน ให้เหลือรอบ 60 คน 30 คน และ16 คน ตามลำดับ โดยวัน Offline Audition ทีมงานก็คัดเลือกจนเหลือ 7 คนสุดท้ายที่ศักยภาพเข้าตาและมีความเฉพาะตัวที่สุด ซึ่ง Flower.far คือหนึ่งในนั้น

“ตอนนั้นฟาร์ยังไม่เก่ง เวลาร้องเพลงก็ร้องแบบแข็งทื่อ แต่พอเราได้เรียนเคลื่อนไหวร่างกายก็จะรู้ว่าต้องใช้ร่างกายยังไงให้เป็นธรรมชาติมากขึ้นบนเวที แล้วก็มีเรื่องเต้นด้วย ซ้อมเต้นโหดอยู่ แล้วก็มีอาจารย์วิชาจิตวิทยามาให้เราเล่นละลายพฤติกรรมกับเพื่อน ๆ ในกลุ่ม อันนั้นก็สนุกเหมือนกัน แต่ละคนโปรแกรมจะไม่เหมือนกัน เหมือนบางคนมีจุดอ่อนตรงนี้ ก็ให้เทรนตามศักยภาพของแต่ละคน”

เนื้อเสียงใสและสไตล์การร้องที่ชวนให้นึกถึงเพลงลูกทุ่ง/ลูกกรุงซึ่งเป็นหนึ่งในแนวเพลงที่เป็นภาพจำของเพลงไทย กลายมาเป็นความโดดเด่นทางดนตรีของ Flower.far โดยเธอเล่าว่าช่วงมัธยมที่ต้องประกวดร้องเพลง การซ้อมหนักทำให้เธอติดลูกเอื้อนต่าง ๆ มา บวกกับความเป็นสาวใต้โดยแท้ของเธอจึงทำให้ติดสำเนียงทองแดงมาในขณะที่พูดและร้อง ซึ่งเธอก็ไม่ได้มองว่านั่นเป็นข้อด้อยแต่กลับเป็นตัวขับให้ผลงานของเธอโดดเด่นได้โดยไม่ต้องพยายาม

“ก็เหมือนกำลังหาตัวเองอยู่ว่าเวลาแต่งเพลงแล้วจะใส่ความเป็นตัวเองเข้าไปยังไง โดยไม่ต้องลูกทุ่งชัดหรือไทยจ๋ามันจะพาเราไปอยู่ตรงนั้นได้ไหม อย่างของฟาร์บางเพลงพอทำ ๆ ไปโดยที่เราไม่รู้ตัวก็มีกลิ่นบางอย่าง ทำให้เรากล้าร้องด้วยสำเนียงใต้ที่เป็นสีเฉพาะตัวของเราโดยไม่จำเป็นต้องพยายามยัดเยียดเข้าไปเลย อาจจะเป็นแบบ Utada Hikaru ที่เขาก็มีความญี่ปุ่นบางอย่างแล้วก็มีความ r&b หรือ Fuji Kaze คนที่ร้องเพลง ‘Matsuri’ ที่ดังใน TikTok อาจจะเพราะเมโลดี้ญี่ปุ่นบางอย่างที่มันไม่น่าอึดอัดแล้วก็ดันเวิร์ลด้วย”

Flower.far

แต่เมื่อเป็นการผสมผสานดนตรีทั้งร่วมสมัยและดั้งเดิมไว้ด้วยกัน ทำให้เราพบว่าเพลงของ Flower.far ก็มีความย่อยยากอยู่เนือง ๆ เพราะถึงแม้เมโลดี้จะเป็นป๊อป r&b แต่รายละเอียดดนตรีก็มีความซับซ้อน ทำให้เราตั้งคำถามว่าเธอวางตัวเองไว้ในจุดไหนของวงการที่แม้แต่ในประเทศไทยเองก็เต็มไปด้วยความหลากหลาย เธอมองตัวเองไปถึงจุดที่จะฟาดฟันกับประชากรโลกนับล้านภายนอกด้วยหรือเปล่า

“ในไทยเราก็คงไม่ทิ้งหรอกเพราะว่าฟาร์คือคนไทย แต่ถ้าสมมติว่ามีโอกาสเข้ามาจากศิลปินต่างชาติอย่างตอนไป ASEAN Music Showcase พอเล่นเสร็จก็มีวงฟิลิปปินส์วงนึงเข้ามาบอกว่าอยากทำเพลงกับเรา เราก็ไม่ปิดโอกาสนั้น แต่ฟาร์ก็ยังต้องหาอยู่ว่าจุดไหนคือจุดที่ลงตัวสำหรับแฟนเพลงไทยแล้วต่างชาติเข้ามาฟังได้ด้วย”

อีกสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ที่ทำให้เธอถูกเลือกให้เดบิวต์เป็นคนที่สองต่อจาก AINN คือความสามารถในการเขียนเพลงด้วยตัวเอง ทางค่ายมองว่าลายเซ็นการประพันธ์เป็นสิ่งเฉพาะตัวและฟาร์ก็นำเสนอเรื่องราวจากประสบการณ์ที่พบพานออกมาผ่านเพลงที่เป็นสไตล์ของเธอ

“เวลาเขียนเพลงจะคิดว่าอยากเขียนอะไรเพราะเพลงมันเหมือนการสื่อสาร อยากเผยแพร่อะไรให้คนฟัง มันดีพอไหม แล้วก็อยู่ที่สิ่งที่ฟาร์ชอบตอนนี้ด้วยว่ากำลังชอบอะไร หนูกับ MENO ที่เป็นโปรดิวเซอร์สนิทกัน ช่วงนึงอยากหาอะไรทำให้ชีวิตดีขึ้นบ้าง ก็เลยนั่งแต่งเพลงด้วยกัน หนูเป็นคนคิดคอร์ด ดีไซน์ดนตรี แล้วก็บอกว่าอยากจะได้อะไร

‘Like a Fool’ เป็นเพลงแจมเล่น ๆ กับเพื่อนมาตั้งแต่ปีสอง เพื่อนเล่นเปียโนแล้วหนูก็ร้องออกมา พอเมโลดี้เพราะก็อยากเก็บไว้ พอปีสามกำลังจะเข้าค่ายแล้วเขาอยากลองฟังเพลง ก็เลยเอาเมโลดี้เพลงนี้มาใส่เนื้อร้องส่งไปเพราะคิดว่าเป็นตัวเองที่สุด มีการปรึกษาภาษาอังกฤษกับเพื่อนเพราะตัวเองยังไม่ค่อยเก่งวิธีการใช้คำ เขียนเกี่ยวกับคนที่ผิดหวังจากความรักเยอะ ๆ กับมีความสัมพันธ์ที่ toxic ก็ไม่อยากจะเชื่อความรักแล้ว ไม่ต้องมาทำให้ชั้นรักแล้ว ส่วน ‘ตัดไปให้พอ’ นี่สถานการณ์เกิดก่อน ‘Like A Fool’ นะ แต่ปล่อยเป็นเพลงที่สอง ก็เกี่ยวกับอกหัก อยากจะตัดใจจากเธอแล้ว”

หลังจากปล่อยสองเพลงออกไปเธอก็เริ่มเป็นที่รู้จักในกลุ่มแฟนของค่ายมากขึ้นเรื่อย ๆ จนวันนึงที่เธอเป็นส่วนหนึ่งในโชว์เคสของ YUPP! ที่ ASEAN Music Showcase ประเทศสิงคโปร์ โดยมี AUTTA, AINN และ FIZZIE ร่วมด้วย ในเวลาไม่นาน Flower.far ก็ถูกพูดถึงจากสื่อต่างประเทศทั้ง NME ที่ยกให้เธอเป็น 100 ศิลปินที่น่าจับตามองแห่งปี 2023 ซึ่งในลิสต์ก็มีตัวตึงทั่วโลกทั้ง Balming Tiger, FLO, Ive, LE SSERAFIM, NewJeans ติดโผ ในขณะที่ COLORS ช่อง Live Session สีสดใสที่โด่งดังใน YouTube ที่ก่อนหน้านี้ Phum Viphurit คือคนไทยคนแรกที่ไปปรากฏตัวที่รายการก็คว้าตัวเธอให้ไปแสดงใน A COLORS SHOW และตอนนี้ฟาร์ก็เป็นที่ชื่นชอบของผู้ชมอย่างล้นหลาม สังเกตได้จากคอมเมนต์เชิงบวกชนิดทะลักฟีด

“ของ NME เกินเบอร์มาก ไม่รู้ว่าเขาเห็นเราได้ยังไง แต่ก็ดีใจว่าเขาเห็นเราแล้วนะ ส่วน COLORS เขาส่งเมลมาหาค่าย อยากให้เราไปร้องเพราะเขากำลังจะมาจัด session ที่เวียดนามพอดี แต่เขาก็อยากให้เราร้องเพลงที่เราไม่เคยร้องที่ไหนเลย ก่อนที่จะบินไปก็มาที่ค่าย ทำเพลง 2 วัน แต่งไว้ 2 เพลง เพลงนึงก็คือ ‘Walk Away’ อัดร้องเสร็จ ทำเสร็จ ก็ส่งเพลงไปให้ COLORS แล้วเขาจะบอกเองว่าผ่านไม่ผ่าน แล้วเขาก็เลือกเพลงนี้”

ประสบการณ์ร่วมงานกับต่างชาติครั้งแรก

“นี่ไม่ค่อยได้ไปต่างประเทศ พอมาอยู่ค่ายถึงเพิ่งจะได้ไปเที่ยว ทุกอย่างผ่านไปรวดเร็วมาก ในความรู้สึกคือโหหห รู้ตัวอีกทีก็อยู่เวียดนามแล้ว ของกินทุกอย่างคืออร่อย เสื้อผ้าคือสวย แต่บ้านเขาคือรถรกมาก ไม่มีไฟแดง แล้วเหมือนรถจะชนกันอยู่ตลอดเวลา เหมือนเราจะตายได้ทุกเมื่อ แต่ถ้าพูดถึงการที่ได้ไปถ่าย ตอนที่เราไปเราคิดว่าเป็นศิลปินตัวเล็กมาก ไม่มีใครรู้จักเราหรอก พอเจอทีมงาน ทุกคนน่ารักมาก แต่งตัวสวยปึ๊บ ขึ้นร้อง พอร้องเสร็จ ทุกคนมองมาที่เราแล้วตบมือร้องว้าว ๆๆๆๆ เยอะแยะ ตอนนั้นเราก็คิดว่า ‘มันดีจริงรึเปล่าวะ’ ‘ทำไมเขาให้ความสนใจเราจังเลยวะ’ รู้สึกว่าเกินเบอร์น้า เราได้มาอยู่ตรงเนี้ย คิดในใจคือกลัวโดนฝรั่งหลอก ไม่ใช่จะหลอกเราไปทำอะไรน้า แต่พอมีสติก็ ‘เออ นี่มันช่องเขาจริง ๆ นี่หว่า’ ไม่หลอก ของจริง บ้าไปเลย ตัวเองก็สวยมาก เอาจริง”

ถึงภายนอกฟาร์จะดูเป็นคนมีบุคลิกมั่นใจ แต่เธอก็เคยตั้งคำถามในความสามารถของตัวเองอยู่เหมือนกัน

“จริง ๆ เราเคยเป็นคนที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเองมาตลอด เราโดนทุกคนพูดแย่ ๆ ใส่ว่า ‘มึงมันไม่เก่ง ๆๆๆ’ จนเราไม่เป็นตัวของตัวเอง และพอถึงจุดที่แย่ที่สุดของชีวิตก็คิดได้ว่า ถ้าเราไม่มั่นใจ แล้วใครจะหมั้นเราวะ เอ้ย! ไม่ได้หมายถึงมีผัว ‘มั่น’ ๆ มันเลยสร้างเกราะให้เราขึ้นเรื่อย ๆ ที่ผ่านมาเราอยู่ในสังคมที่แข่งขันหนัก พูดกดกันก็เยอะ พอเรามาร้องเพลงมากขึ้นหรือกล้าทำอะไรแบบนี้มากขึ้น มันเลยทำให้เรารู้สึกว่า ถ้าเราไม่สร้าง(เกราะ)เอง แล้วใครจะมาสร้างให้เรา ต่อให้เราแย่หรือไม่ดียังไง เราก็แค่มั่นใจว่าเรามีเท่านี้ แล้วถ้าเราโง่จริง ๆ เธอก็บอกชั้นมาสิ ชั้นจะได้เรียนรู้ จะได้พยายามฝึกฝนและทำให้ดีขึ้นมา แล้วพอเราเป็นแบบนี้ก็ทำให้เราอยากส่งต่อพลังบวกให้คนรอบข้างด้วยว่า เธออย่ากดดันตัวเองมากเกินไป เธอมีสิ่งที่ดีของเธออยู่แล้วเก็บมันไว้ ทุกคนมีสไตล์เสียงเป็นของตัวเอง เราว่าเนื้อเสียงเธอเพราะอยู่แล้ว สมมติร้องเพลงเพี้ยนเธอก็แค่เรียนรู้ เธอไม่ต้องคิดมากเลย แค่ตั้งใจซ้อม และกล้าที่จะร้องมันออกมา”

Flower.far

แล้วพอมาเป็น Flower.far ยังมีความกดดันอย่างอื่นไหม เช่นความคาดหวังจากแฟนเพลง หรือถูกเปรียบเทียบจากศิลปินหญิงคนอื่น ๆ ในค่าย

“ไม่ค่อยกดดันว่าแฟนเพลงคาดหวังอะไร แต่เราจะกดดันกับตัวเองว่าเราจัดการหรือรับผิดชอบตัวเองดีพอไหม ต้องแข่งกับความขี้เกียจของตัวเอง เพราะตอนเริ่มเข้าค่าย เริ่มอยู่กับคนหลายคนแล้วต้องทำงานเป็นหมู่คณะ ก็ต้องมีการจัดระเบียบชีวิต ส่วนกับเพื่อน ๆ ในค่าย MILLI, GALCHANIE, GeniePak, Flower.far แต่ละคนมีจุดเด่นเป็นของตัวเอง มีสีเฉพาะตัวที่น่าสนใจแตกต่างกันเลย ไม่รู้สึกว่ากดดันหรือต้องเปรียบเทียบกันเลย”

หลังจากทั้ง NME และ COLORS พูดถึงเรา มีแฟนต่างประเทศเพิ่มมาบ้างไหม

“จริง ๆ ก็มีเพิ่มมาบ้าง แต่ไม่ได้เปรี้ยงขนาดนั้น แต่สิ่งที่เข้ามาอย่างเห็นได้ชัดคือสื่อทั้งไทยและต่างประเทศเริ่มให้ความสนใจ หรือแม้กระทั่ง Booking Agency ต่างประเทศก็เริ่มติดต่องานโชว์เข้ามา เราว่ามันเป็นผลต่อเนื่องมาจาก NME กับ COLORS ต่อกัน เลยเป็นแรงกระเพื่อมที่แข็งแรง”

ซึ่งก็น่าตั้งคำถามว่ากว่าที่เสียงของศิลปินคนนึงจะถูกได้ยิน จำเป็นจะต้องได้รับการนำเสนอโดยต่างชาติก่อนหรือเปล่ากว่าคนในประเทศกันเองจะเริ่มเห็นค่า

“ต้องบอกก่อนว่า ที่ทำเพราะว่าชอบร้องเพลง ชอบแต่งเพลง อยากมีเพลงเป็นของตัวเอง ตอนแรกไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง แค่สิ่งที่เราทำมันคือเรา มันอาจจะแต่งต่างหรือเหมือนคนอื่น แต่เราก็อยากทำ เราแต่งมันดีที่สุด เพราะที่สุด ชอบที่สุดสำหรับเรา ส่วนผลตอนที่ได้ NME หรือได้อะไรก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะได้… การจะให้คนเห็นหรือจะดังขึ้นมามาก ๆ แต่ก็ยากนะคะ เด็กในมหาลัยหนูทำเพลงเองก็เยอะ แล้วเพลงก็ดีมาก ๆ แต่ก็ไม่มีใครได้ยินเท่าไหร่ หนูคิดว่าอาจจะยังไม่ถึงเวลามั้งคะ นอกจากเรื่องเวลาก็คงเป็นเรื่องคนที่สนับสนุนเขา ของหนูยังโชคดีมีค่ายสนับสนุน บางคนลงเพียว ๆ ไม่มีใครสนับสนุนเขา เพลงเท่มากแต่มี 0 วิว ถามว่าทำยังไงให้เจอเขา นี่ก็อาจจะเป็นการบ้านใหม่ของวงการไทยเหมือนกัน”

เป้าหมายสูงสุดในการเป็น Flower.far

“จะเป็นศิลปินรุ่นใหญ่ (หัวเราะ) อยากไปเวทีใหญ่ ๆ อยากไป NPR Tiny Desk เล่นสด ๆ แบบนั้น หรือมีเพลงดังที่ต่างชาติรู้จักเราว่านี่คือ Flower.far แบบนั้นสักเพลง หรือว่าจะเป็นทัวร์คอนเสิร์ต อยากไป Grammy Awards แต่ตอนนี้ก็คือต้องแต่งเพลงให้มันดัง”

ฝากอะไรกับคนที่ยังไม่รู้จักเรา

“สวัสดีค่ะ Flower.far นะคะ ยินดีที่ได้รู้จัก อยากให้ทุกคนเปิดใจฟังเพลงฟาร์แล้วก็อยู่กับฟาร์ไปนาน ๆ อยากให้ทุกคนโอมจงรัก โอมจงหลงฟาร์นะค้า”

Flower.far

เป็นการพูดคุยที่ยาวนานแต่สัมผัสได้ถึงความจริงใจและมุ่งมั่นสำหรับ Flower.far ดอกไม้ดอกใหม่ที่ชาว r&b จะต้องหลงรัก เตรียมชมมิวสิกวิดิโอเพลง ‘Walk Away’ ได้ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ทางช่อง YUPP! แต่ก่อนหน้านั้นก็ไปฟังเพลงที่ปล่อยมาแล้วทั้งหมดของเธอก่อนได้เลย

https://www.youtube.com/@YUPPofficial

Related Articles

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More

Privacy & Cookies Policy