‘Get Up’ พร้อมก้าวกระโดดไปกับ KIKI วงดนตรีที่ใครก็ฉุดไม่อยู่

by Montipa Virojpan
248 views

Story: Montipa Virojpan
Photos: Parinam Music

KIKI เป็นวงดนตรีวงนึงที่เราอยากชวนมาพูดคุยมากที่สุดในขณะนี้ เพราะนอกจากปรากฏการณ์ก้าวกระโดดที่ใครก็ฉุดไม่อยู่ เราถือว่าพวกเขาเป็นวงที่ไม่เคยหยุดนิ่ง และไม่เคยจำกัดความเป็นไปได้ในงานสร้างสรรค์ของตัวเองเลย

จากวงดนตรีอัลเทอร์เนทิฟป๊อปเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นมาท่ามกลางบรรยากาศหดหู่ในช่วงเวลาของความไม่แน่นอนที่ทั่วโลกต้องปรับตัวเมื่อปี 2021 ทั้ง 3 คนได้ฝากเสียงดนตรีน่าค้นหาไว้ใน EP ‘We’re blamed for who we are, and then we are forgotten’ และนั่นก็สะกดความสนใจของเราได้อยู่หมัด จนในปี 2022 ที่วงเดินทางมาถึงขวบปีที่ 2 มีอัลบั้มเต็มชุดแรก ‘Metamorphosis: Final Stage’ ออกมาภายใต้ค่าย Parinam Music รวมถึงมีโปรเจกต์กับกลุ่ม NFT ที่ขยายขอบเขตของดนตรีให้ไปไกลกว่าเดิม ต่อมาวงได้ขึ้นแสดงในเฟสติวัลอย่าง Maho Rasop และทัวร์หลายเมืองที่ญี่ปุ่น ไม่ว่าพวกเขาจะปรากฏตัวที่ไหนก็ได้รับความรักจากผู้ฟังทั้งไทยและต่างชาติอย่างล้นหลาม มาจนวันนี้ หลายคนยกให้ KIKI เป็นซูเปอร์แบนด์เพราะจำนวนสมาชิกที่มาร่วมเล่นในโชว์เพิ่มขึ้นตามความเข้มข้นของดนตรีที่ไม่หยุดพัฒนา และหลาย ๆ คนก็มีชื่อเสียงในฝีไม้ลายมือไม่ธรรมดาราวกับเป็นการรวมดาววงการเพลงอินดี้

ล่าสุดพวกเขาก็ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล TOTY Music Awards ซึ่งถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่สร้างแรงสั่นสะเทือนให้วงการเพลงไทย เพราะได้เปิดโอกาสให้วงดนตรีทางเลือกได้มีพื้นที่บนเวทีเดียวกับศิลปินกระแสหลัก นับเป็นความสำเร็จก้าวเล็ก ๆ ที่เรารู้สึกดีใจไปกับพวกเขา และวงเองก็คงไม่คิดมาก่อนว่าพวกเขาเป็นอีกตัวแปรสำคัญของวงการนี้มากแค่ไหน

Transmission ขอแสดงความยินดีกับวงแบบอ้อม ๆ ผ่านบทสัมภาษณ์สุดจะครบรสชิ้นนี้ และสำหรับใครที่ยังไม่เคยได้ยินชื่อของ KIKI เราขอถือโอกาสนี้พาคุณไปรู้จักกับพวกเขา

สมาชิก KIKI

สมาชิก KIKI
เฮเลน—เอเลน่า อะมาร็องตินิซ์ พันธุ์สุข
บอส—ภูริช พันธุ์สุข
นนท์—ธนญ แสงเล็ก

จากวันแรกที่เราคุยกัน https://ihatenifty.com/kiki-interview/ วงยังทำงานแบบ D.I.Y. กันอยู่ ในวันนี้ที่มีค่ายแล้ว การทำงานของวงเปลี่ยนแปลงไปยังไงบ้าง

เฮเลน: เรารู้สึกว่าเราทำงานกันมาดีมากตั้งแต่เป็นศิลปินอิสระช่วงที่เราทำ EP แต่เราใหม่มาก ณ ตอนนั้น ยังไม่ได้มีคนรู้จักเยอะ เลยรู้สึกว่ายิ่งต้องถีบตัวเองเพื่อให้คนได้เห็นเราในกระแสมากขึ้น พวกตารางงานอะไรเราต้องเป็นคนวางมันหมด แล้วมันจะมีโมเมนต์ที่ต้องทำอะไรซ้ำ ๆ วน ๆ มีความเป็นแพตเทิร์นอยู่ ก็จะเริ่มรู้สึกว่า ‘ขี้เกียจจัง ต้องทำอีกแล้วหรอ’

พอมีค่ายเขาก็มีความไหลลื่นในการทำงานมากขึ้น ช่วยซัพพอร์ตเราในด้านการกระจายข่าวส่งสื่อ ความรับผิดชอบในด้าน PR ที่ค่ายดูแลให้มันแบ่งเบาเราไปได้ค่อนข้างเยอะเลย เพราะนอกเหนือจากเรื่องทำเพลง เราก็มีอย่างอื่นทำด้วยเหมือนกัน แล้วบางทีเราอาจจะลืมดีเทลเล็ก ๆ น้อย ๆ ว่าเราส่งอันนั้นไปรึยัง ทำอันนี้ไปรึยัง เว้นแต่ว่าพวก song bio ส่วนใหญ่เราก็ยังต้องเป็นคนเขียนเองเพราะเราเป็นคนแต่ง

บอส: รู้สึกว่ามีคนช่วยต่อยอดสิ่งที่เราทำ ทั้งในเรื่อง mv ภาพ ซึ่ง Parinam ก็ซัพพอร์ต

เฮเลน: ใช่ เหมือนเราบอกพี่ปูม (ปิยสุ โกมารทัต) ว่าอยากได้แบบนี้จัง แล้วพี่ปูมก็เสกมาให้ เสกได้หมด (หัวเราะ) มันอาจจะเป็นปกติอยู่แล้วของการมีค่ายมั้ง แต่ที่นี่มีความยืดหยุ่นมาก อยากได้ยังไง อยากลงตอนไหน อยากเขียนข้อความยังไงก็ได้ คือจะมีความตามใจเรามาก ๆ ประมาณนึง เรารู้สึกขอบคุณ Parinam มาก ๆ ที่ให้พื้นที่เราในค่ายแล้วยังไม่กีดกันเรื่องการสร้างสรรค์หรือสิ่งที่เราต้องการ เหมือนเขาต้องการซัพพอร์ตจริง ๆ ไม่ได้ยัดเยียดว่าเราต้องมีภาพออกมายังไง มันเหมือนเขาคิดว่าเรารู้แก่ใจว่าเราอยากนำเสนอออกมาแบบไหน เขาเลยมีหน้าที่ทำให้ออกมาคมและชัดเจนมากขึ้น ด้วยประสบการณ์ของคนที่ทำงานกับเขามาและตัวพี่ปูมเอง ทีมของเขาดูกันเองมันเลยเร็ว ทุกอย่างมันไม่ต้องบรีฟหลายรอบ แก้กันไปมา เราเลยเอนจอยการอยู่ค่ายนี้มาก ๆ เป็นบ้านหลังใหม่ของเราที่แฮปปี้

‘Metamorphosis: Final Stage’

เฮเลน: เราเริ่มกันมาก็มีแค่เรา 3 คน ณ ตอนนั้นพี่นนท์ พี่บอส ยังมีชื่ออยู่ในสังคมการทำเพลงกับอีกวงนึงมากกว่า ซึ่งเรารู้สึกว่าอยากให้มันเป็น statement ว่ามันเป็นการเริ่มใหม่ของเรา กลับมาเป็นเบบี๋แบเบาะ no one อีกรอบนึง เลยเริ่มจากจุดนั้นไล่ ๆ ไปตามศักยภาพในการทำเพลงที่เรามี ที่เราทำได้ เรามองว่า EP เป็นร่างวิวัฒนาการอันนึงของเรา ส่วนอัลบั้ม ‘Metamorphosis: Final Stage’ เป็นร่างสุดท้ายที่เราพร้อมให้คนเห็นแล้วว่าเราทำอะไรได้บ้าง เราเลยใช้คำนี้เพราะมันคือ adulting stage ที่สามารถออกไปล่า ออกไปหากิน ไปอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างเต็มตัว แต่ถ้าถามเราตอนนี้เราก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอกว่าการเอาตัวรอดที่จะอยู่ วงการนี้มันต้องทำยังไง หลาย ๆ คนก็คงไม่รู้ แต่เราก็มองมันเป็นวัฏจักร เดี๋ยวก็มีผู้ล่า เดี๋ยวก็มีผู้เล่นใหม่โผล่มา แต่เราขอเป็นกบในเกมนี้พอ กบมันเหมือนเป็นสัญลักษณ์ของการก้าวกระโดดด้วย อยู่นิ่งก็โดนกิน ต้องขยับตลอดเวลา

บอส: แล้ว KIKI ก็ขยับตลอดเวลาจริง ๆ เพลงเราจะมีกรูฟ

เฮเลน: เรามองตัวเองแบบนั้นเสมอมา เราไม่ได้ต้องการเป็นสัตว์ที่สวยงาม ไม่ได้เป็นผีเสื้อ สิงโตอะไร เราอยากเป็นกบเนี่ยแหละ เอาจริงไอเดียนี้ต้นทางมันมาจากทางณัฐนนท์ (jahflame) ด้วย ตอนนั้นเหมือนเขาฟังเพลงเราละมองว่าเราเป็นสัตว์นั้นนี้ ส่งมาให้หลายแบบ แต่สุดท้ายก็มาลงเอยที่กบ เราก็ไม่ได้ถามเขานะว่าทำไมถึงเลือกตัวนี้ แต่กลับกลายว่าเป็นเราชอบมัน เพราะเรามองว่ากบเป็นสัตว์ที่หลาย ๆ คนค่อนข้างแหยง แต่บางคนก็มองว่ามันน่ารัก สีสันเยอะ แต่จริง ๆ อาจจะน่ากลัว มีพิษได้ด้วย ซึ่งจริง ๆ มันมีประโยชน์กับระบบนิเวศน์มาก ๆ ไม่มีมันคือไม่ได้เลย กบเป็นสัตว์ที่ติดดินและค่อนข้างเลือกสภาพแวดล้อมที่ตัวเองรู้ว่าเหมาะสมที่จะอยู่ ถ้าอยู่ไม่ได้ก็ไม่อยู่ดีกว่า เรารู้สึกว่าเราเป็นอย่างนั้น …จริง ๆ มันไม่ลึกซึ้งขนาดนั้นหรอก แต่นึกได้ระหว่างทาง หลาย ๆ วงเขาก็ดูจะมีบางสิ่งบางอย่างที่แทนตัวให้เข้าใจง่ายขึ้น เราก็รู้สึกว่ากบประหลาดดีว่ะ ไม่เห็นมีใครใช้มันเลย น่ารัก สีเขียวก็เป็นสีที่ชอบ เพราะว่าเราสายเขียว

ซึ่งดนตรีในอัลบั้มก็ต่างกับ EP ลิบลับเลย

บอส: EP นี่เหมือนทดลอง

เฮเลน: เป็นงานที่ไม่มีธีมชัดเจนว่าจะทำอะไร เหมือนแค่คุยกันว่าแต่ละเพลงต้องไม่เหมือนกันเลย EP เป็นจุดเริ่มต้นของเรา ทำให้เราเคาะได้ว่าอยากไปทิศทางไหน เราชอบอะไร เพราะ ณ ตอนนั้นเฮเลนก็ยังไม่ถนัดทำเพลง ยังหาไม่ได้ว่าต้องร้องแบบไหน ใช้โทนเสียงแบบไหน ชอบเล่าเรื่องยังไง มันเลยออกมางง ๆ แต่ก็ไม่มีผิดไม่มีถูก (บอส: ส่วนใหญ่เป็นเรื่องรอบตัว) แต่ถามว่าภูมิใจไหมก็คงไม่ขนาดนั้นเพราะมันเป็นการงมค้นหาตัวเองอยู่ เหมือนทำให้เห็นว่าโตมายังไง (หัวเราะ)

แล้วตอนนี้ชอบเล่าเรื่องแบบไหน

เฮเลน: จริง ๆ มันเปลี่ยนไปเรื่อยแล้วแต่อารมณ์เราเลย แต่ส่วนใหญ่จะชอบเล่าเรื่องที่ตัวเองเจอมามากกว่า เพราะรู้สึกว่าเราเล่าเรื่องอะไรแบบนี้ได้ดีกว่ามานั่งเขียนเรื่องใหม่ขึ้นมา เรื่องราวในชีวิตเราแต่ละคน ร้อยคนก็ร้อยแบบ แต่ความรู้สึกตั้งต้นอย่างโกรธ เศร้า มันมีอยู่ทุกในทุกคน เราเลยอยากลองหยิบยื่นการเล่าเรื่องด้านอารมณ์ให้คนฟังรู้สึกว่า ในการฟังเพลงของเขาก็ยังมีคนที่รู้สึกเหมือนกัน แต่คนนี้มีการเดินทางอีกแบบนึงไม่เหมือนกับเขา เหมือนเป็นการ coexist กันโดยที่ไม่ได้มีจุดหมายปลายทางเดียวกันในการเข้ามาฟัง อย่างบางคนเข้ามาฟัง ‘Back in the Game’ ที่จริง ๆ มันเกี่ยวกับ toxic relationship แต่บางคนกลับตีความเป็น ‘วันนี้แฮปปี้จังเลย รู้สึกกลับมาใช้ชีวิตปกติได้แล้ว’ เขาก็ back in the game เหมือนกันในแบบของเขา เหมือนเราทำเพลงไม่ได้ต้องการตีกรอบคนฟังขนาดนั้น ตีกรอบในที่นี้หมายถึงเราทำเพลงแบบนี้ ตั้งใจเล่าเรื่องนี้ คนฟังต้องรู้สึกแบบเดียวกันกับเราด้วย ซึ่งมันขัดกับการทำเพลงในแบบของเรา

บอส: เหมือนเวลามีคนถามแนวเพลง เราก็ไม่รู้จะตอบว่าเพลงเราแนวอะไร มันอยู่ที่คนฟัง ถ้าให้เราพูดเองมันคงเป็นอิเล็กทรอนิก อัลเทอร์เนทิฟแหละมั้ง ฟังก์ป๊อป บางคนบอกว่าเราซิตี้ป๊อปจังเลย เราก็ อ๋อหรอ หรือบางคนก็บอกฟังก์กรูฟจังเลย บางคนบอกว่าฝรั่งเศสจังเลย ซึ่งมันเป็นแค่เอเลเมนต์ต่าง ๆ ที่เราชอบ เราเลยคิดว่าการจำกัดแนวเพลงเป็นสิ่งที่ผู้ฟังควรมอบให้เราดีกว่า เพราะแต่ละคนเขามีเทสต์หรือการรับรู้ไม่เหมือนกัน ตรงนั้นเลยอยากปล่อยให้เขาพูดเอง

‘Get Up’ ซิงเกิ้ลแรกจากอัลบั้มล่าสุด

เฮเลน: เรื่องมีอยู่ว่า ไปกินเห็ดมา แล้ว bad trip เราลองตัวไม่ดีไปด้วยมั้ง แล้วไม่มีใครช่วยได้เพราะทุกคนกำลัง happy trip ในเส้นทางตัวเอง แล้วในฐานะเราที่เดินทางมาหลายรอบแล้วรู้สึกว่าการเอาอารมณ์ไม่ดีของตัวเองไปยัดใส่คนอื่นมันแย่มากระหว่างทริป เลยบอกได้อย่างเดียวว่ารู้สึกไม่ดี คุยอะไรก็ได้ ไม่ไหวแล้ว รู้สึกว่าต้องการคนดึงเราออกมาจากตรงนั้นมาก เหมือนพี่บอสเป็นคนถามว่าโอเคหรือไม่โอเค ลุกขึ้นมามั้ย แล้วในหัวเรามีคำว่า get up ๆๆๆ พอหายแล้วกลับไปบ้านก็เลยแต่งเพลงเกี่ยวกับสิ่งนี้ เพราะว่าเรายังไม่ได้แตะเรื่องนี้เท่าไหร่ เหมือนเป็นการเปิดประสบการณ์ในการเขียนเพลงที่ปกติเขียนอารมณ์สิ่งที่พบเจอมา อันนี้คือความรู้สึกใหม่มาก ๆ เลยที่เกิดจากการใช้เห็ด

บอส: ในเวิร์สพูดถึงอาการเลย

เฮเลน: ทั้งเพลงเลย Walking down the street of my memories จำได้เลยว่าตอนนั้นคิดถึงพ่อมาก แล้วคิดถึงสิ่งที่ไม่ดีที่เคยพูดกับพ่อไว้แล้วร้องไห้ เหี้ยมาก โฮเลย Fighting shadows of what used to be. Flowers all around, I’m a honeybee. ก็แบบ เฮ้ย นี่เห็นจริงปะวะ คิดอะไรวกไปวนมาอยู่ Pretty sure this is not what I see เนื้อหาไม่มีอะไรขนาดนั้น ก็เมาอะ เหมือนเป็นการที่เราใช้ตัวช่วยเพื่อให้รู้สึกดี เหมือน coping mechanism พอเรา depressed เราเครียด สิ่งที่เราจะทำก็คือถ้าไม่ใช้เห็ด สูบกัญชา ดูดบุหรี่ กินเหล้า แต่ละคนมีวิธีจัดการกับอะไรแบบนี้ที่แตกต่างกัน แต่บางทีเราก็ต้องมี wake up call จากใครสักคนเพื่อที่จะได้กลับมาใช้ชีวิตปกติธรรมดาได้ทุกวันโดยที่ไม่มีมันได้

บอส: ส่วนเวอร์ชันที่เขียนส่งสื่ออื่นคือ มันเป็นเพลงเกี่ยวกับการต่อสู้ระหว่างความจริง กับสิ่งที่เราเชื่ออยู่

เฮเลน: (หัวเราะ) พี่ปูมบอกว่าขอแบบที่ส่งสื่อได้ เราก็แบบ ปูมซัง ทำไมยากจังอะ เลยเขียนไปประมาณว่า ‘Get Up’ เป็นเพลงที่คนคนนึงพยายามหลีกหนีจากโลกความเป็นจริงเพราะมันโหดร้ายมาก บางทีมันมีบางอย่างที่ยากที่จะยอมรับได้ แล้วเพลงนี้เป็นการจินตนาการคนที่กำลังสร้างกำแพงที่ไม่จริงขึ้นมา เป็นกำแพงสวยงามที่ทำให้รู้สึกดี กีดกันตัวเองจากโลกภายนอก เหมือนเป็นการสร้าง bubble ให้ตัวเองอยู่ใน comfortzone แต่จริง ๆ ‘Get Up’ มันเป็นเหมือนเป็นการบอกให้คนอื่นมาช่วยเหลือเราหน่อยแหละ เราไม่ได้บอกตัวเองได้นะ เหมือนเป็นเสียงคนอื่นที่บอกให้เราลุกขึ้น

ได้ดุ่ย Youth Brush มาทำ mv ให้

บอส: พี่ปูมเลย เอาเพลงให้ดุ่ยฟัง บอกทำได้ ลุยกัน ดุ่ยทำสนุกมาก มาคุยกัน เราบอกอยากได้ mv แบบนี้ มีวง มีคนที่เล่นกับเรามาเล่นด้วยนิดหน่อย แล้วก็บอกว่าเพลงเกี่ยวกับอะไร ประมาณนั้น แล้วดุ่ยละเลงเลยครับ

เฮเลน: แล้วก็เข้าประเด็นได้ค่อนข้างไว โอเคเลยอะ ชอบการทำงาน pace นี้มากเลย

บอส: เหมือนดุ่ยเอาเนื้อเพลงมาดึงเป็นภาพ แต่ละ chapter คือการเห็นภาพหลอน เป็นดอกไม้ ผึ้ง พระจันทร์

ตั้งใจจะทำอัลบั้มใหม่ให้ออกมาในทิศทางไหน

นนท์: เป็นเพลงที่เหมาะกับเอาไปเล่นสดมากขึ้นในอัลบั้มนี้ เรามีกัน 8 คน พยายามให้รู้สึกว่าได้เล่นเครื่องดนตรีกันจริง ๆ อัดกันจริง ๆ ก็จะมีเพลงประมาณนั้นอยู่เซ็ตนึง แล้วก็มีอิเล็กทรอนิก แล้วก็มีกรูฟอีกเล็กน้อย

บอส: อัลบั้มนี้หลากหลายมาก เราลองใช้ทั้งกีตาร์โปร่งก็มี มีทั้งที่เป็นอิเล็กทรอนิกเยอะ ๆ เลยก็มี มีแค่เครื่องจริง ๆ ซัดกันเลยก็มี อยากให้เหมือนเป็นการต่อยอดจากอัลบั้มที่แล้วให้มันแข็งแกร่งขึ้น และได้ลองอะไรใหม่ ๆ ที่ไม่เคยลอง เปลี่ยนอะไรให้เยอะขึ้น ยังรู้สึกว่าเล่นอะไรกับมันได้เยอะอยู่ คนที่ชอบอัลบั้มที่แล้วถ้ามาฟังอัลบั้มนี้ก็น่าจะรู้สึกสนุกกว่าเดิม เพราะมันเข้มข้นมาก

นนท์: ที่พิเศษคือมีคนอื่นทำเพลงด้วย

บอส: ใช่ครับ มี featuring 3 วง ไม่ใช่วงไทย แต่ยังไม่บอกว่าวงอะไร

เล่าการร่วมโปรเจกต์ NFT กับ Gangster All Star ให้ฟังหน่อย

บอส: แบงค์ที่เป็น AR วงเรา เขาเป็น co-founder ของ Gangster All Star

เฮเลน: เขามองว่าด้วยความที่มันเป็น NFT อะ มันไม่มีขอบเขตอยู่แล้วว่าผลงานหรือชิ้นงานที่ออกมามันต้องเป็นงานวาดอย่างเดียว แล้วเขาก็อยากจะให้มันเกิดคอมมิวนิตีที่หลากหลาย เป็นเอเลเมนต์ที่ดึงคนที่มีความชอบเหมือนกันมาอยู่ด้วยกัน มีแบรนด์เสื้อผ้า งานศิลปะ หรือแม้แต่ในเรื่องดนตรี ดึงทุก ๆ อย่างให้มันเข้ามา สุดท้ายแล้วก็เหมือนเราใช้ชีวิตอยู่ในทุกวันนี้ แบบ เฮ้ย วันนี้เราไปกินเหล้ากับเพื่อนดีกว่า ไปดูคอนเสิร์ตดีกว่า อันนี้เขาก็มีวิธีแฮงเอาต์ของเขา แล้วจริง ๆ มันคือคอมมิวนิตีที่ซัพพอร์ตกันมาก ๆ พี่แบงค์ก็บอกว่า KIKI ก็ดูเหมาะสมดีนะ เราสนใจไหม ตอนแรกเราก็ไม่คิดอะไร เพราะโลก META มันคืออะไรที่เราไม่ค่อยได้เข้าไปเกี่ยวกับมันเท่าไหร่เลย เราไม่ได้ยุ่งกับมันเลยในนาม KIKI ก็คิดว่าน่าสนใจนะเพราะพี่ดวง (วีระชัย ดวงพลา The Duang) ก็เป็นนักวาดที่มีชื่อเสียง

บอส: เป็นการ์ตูนที่เราก็เคยอ่านกันตอนเป็นวัยรุ่น เราก็อยากเห็นมุมมองของเขาใน KIKI เหมือนกัน เราชอบนะได้ทำงานกับศิลปิน อาจจะมีเรื่อย ๆ แล้วก็จะหาคนที่เราชอบงานเขามาร่วมงาน

เฮเลน: ความจริงก็อยากได้ระดับโลก ถ้าเป็นไปได้ (หัวเราะ)

บอส: ดนตรีกับศิลปะมันวิ่งหากันตลอด ถ้าสังเกตเราจะไปโคกับคนนั้นคนนี้ อย่าง Gangster All Star ทำกับ The Daung กับ EP เราก็ทำกับ jahflame ให้เขาฟังเพลง KIKI แล้วเราแค่บอกว่าเพลงนี้เกี่ยวกับอะไร ที่เหลือก็ปล่อยเขาเต็มที่เลย อย่างอัลบั้มนี้มันจะมีประมาณ 12 เพลง ก็จะมีเปาโล (สมพล รัตนวรี A KID FROM YESTERDAY) ทำอาร์ตเวิร์กทุกเพลง แล้วก็มีปกอัลบั้มอีก ก็น่าสะสม อยากให้ทุกคนติดตาม

เอาเวลาที่ไหนไปทำเพลงกัน ขยันมาก

เฮเลน: เราทำงานเสร็จเที่ยงคืนตีหนึ่ง กลับบ้านแล้วก็ทำเพลงถึงตีสาม แล้วก็ตื่นมาทำงานต่อ

บอส: นนท์จะเอาไปอะเรนจ์ตอนเช้า ตี 5 ถึงประมาณเที่ยง

เฮเลน: เราตื่นมาแล้วก็มีเพลงฟัง แล้วก็แก้เดโม่กัน การนอนการตื่นของเราจะไม่เหมือนกัน แต่มันตอบโจทย์กันมาก

บอส: เหมือนทำงานคนละกะ แล้วก็จะวน ๆ มันเหมือนตอนเริ่มจะเป็นการมาเจอกันแล้วคุยว่าจะทำอะไรกันบ้าง ยังไม่ขึ้นเพลง กลับบ้านไปก็จะเป็นลูปอย่างนี้เรื่อย ๆ

เฮเลน: ทุกวันนี้ก็ยังทำเพลงผ่านอีเมลกันอยู่นะ คือไม่ค่อยเจอหน้ากันช่วงโควิด ตอนนี้ก็ยังติดทำแบบนั้นอยู่ ช่วงที่เจอกันคือตอนจะปิดอัลบั้ม จะมานั่งทำกัน นอนบ้านพี่นนท์

บอส: นนท์ก็ขยันทำโชว์ใหม่ เราซ้อมทุกอาทิตย์ แต่ซ้อมสองอาทิตย์ก็เปลี่ยนอีกละ เติมของเก่านั่นนี่ แต่ปีนี้คนดูจะไม่ได้ดูโชว์ปีที่แล้วละ จะไม่มี Metamorphosis จะเป็นอีกแบบนึงแล้ว อย่างเพลงอัลบั้มใหม่เพิ่งปล่อยไปเพลงเดียว ก็จะเล่นเพลงใหม่อีกสามเพลงตามสไตล์ KIKI แล้วก็จะทยอยปล่อยซิงเกิ้ลอีกที

นนท์: เน้น ๆ อัลบั้มใหม่ (หัวเราะ)

เฮเลน: พี่นนท์ทำโชว์ใหม่เพื่อชาเลนจ์คนอื่น ๆ ในวง เรารู้สึกว่าจะเก่งได้ก็ต้องกล้าเผชิญความเปลี่ยนแปลงด้วยเพื่อดูว่าเขาสามารถปรับตัวได้เร็วขนาดไหน เพราะรู้สึกว่าอยู่นิ่งมากไปเราเองก็ฝ่อ

KIKI

NFT ขยายขอบเขตการเป็นศิลปินของ KIKI ยังไงบ้าง

บอส: เราว่าได้แฟนเพลงมากขึ้น เราไม่ได้ไปร่วมรายการ หรือไปโคอะไรที่เป็นสินทรัพย์ของเขา เรามาในแง่การคอลแลบที่เขามาสนับสนุนเราในเรื่องงานวาด แล้วเราก็ได้เอาเพลงของเราให้ทุกคนได้ลองฟัง ซึ่ง fanbase 80% ของ Gangster All Star เป็นชาวต่างชาติ เขาก็ได้รู้จักเพลงเรามากขึ้น แล้วนอกจากนั้นก็ได้แก๊ง ได้เพื่อนที่มาคอยซัพพอร์ต มีไอเดียใหม่ ๆ มาทำอะไรกัน

เฮเลน: ยิ่งถ้าเป็นคนที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อนในชีวิตแบบนี้มันเป็นความรู้สึกอีกแบบเลยนะ ถ้าปล่อยเพลงเขาจะมีความไฮป์ของเขาอยู่ ตอนแรกเราก็แบบ อะไรวะ แต่จริง ๆ มันปกติของเขาเลย เขาไฮป์ทุกอย่างที่มาใหม่ มีคอนเทนต์อะไรเขาจะว้าว ๆ สนุกสนาน

Japan Tour

เฮเลน: ดีลกับญี่ปุ่นมันมาก่อนเราเข้าค่าย แต่รู้สึกโชคดีที่โปรโมเตอร์ที่พาเราไปรู้จักพี่ปูม ไม่ต้องคุยเองแล้ว ให้พี่ปูมคุยเลยก็แล้วกัน เรื่องของเรื่องคือต้องขอบคุณพี่ปิง Earthtone เขาเป็นคนที่เห็นศักยภาพของพวกเราคนแรก ๆ เลย

บอส: เขาอยากทำไวนิลให้ ทำเสร็จ พอจะขาย เขาก็เอาเพลงเราไปให้เทราโอะซัง Big Romantic ฟัง แล้วก็มาทัวร์ด้วยได้ถ้าเราโอเค พอเพลงเราปล่อยเราก็บอกพี่ปูม พี่ปูมก็บอกว่าเฮ้ย สบายเลย ปกติก็คุยกับเขาอยู่ เขาก็รันกันต่อ พอเราไปญี่ปุ่นก็แบกแผ่นไปขาย เอาเสื้อไปขายด้วย ขายไวนิลได้เยอะกว่าที่นี่อีกอะ (หัวเราะ) ไป 5 วัน เป็นทัวร์ 5 จังหวัด สนุกมาก ๆ แล้วไปแต่ละที่ก็ไม่เหมือนกันเลย เขาจะมีวงเจ้าถิ่นเนาะ เหมือนไปยิมโปเกมอนอะ สมมติยิมจังหวัดนี้เป็นเพลงอิเล็กทรอนิก วงจะทรงนี้ อีกเมือง อีกยิม วงก็จะอีกแนวนึง คนที่นั่นน่ารักมาก อัธยาศัยดี คุยกันเฟรนลี่มาก ๆ แล้วเราก็ดีใจ ไม่คิดว่าจะมีแฟนเพลงเยอะประมาณนึงที่ญี่ปุ่น ไปเล่นแล้วมีคนมาดู

นนท์: เพราะอัลบั้มเพิ่งปล่อยไป แล้วได้เล่น Ringo Festival ด้วย อันนี้ก็ดี อยู่บนภูเขา

บอส: เป็นครั้งแรกของการเล่นดนตรีของเรากับนนท์กับ KIKI ที่ต่างประเทศ เป็นเฟสติวัลที่ดีมาก เราจินตนาการภาพไว้ว่ามันน่าจะสนุกประมาณนี้แหละ แต่เอาเข้าจริงก็รู้สึกดีมาก ทุกคนที่ไปเล่นกับเรา น้องบุ๊ค (Tellelama) น้องธี (Door Plant) พาริม ทุกคนได้ไฟกลับมาหมดเลย แล้วก็มาจบที่ Big Romantic โตเกียว ก็สนุกมาก ๆ ก็ได้เจอ Last Dinosaurs รู้จักกันครั้งแรกท่ีนั่น แล้วก็มาเจอกันอีกทีที่ Maho Rasop

ประทับใจที่ไหนที่สุด

เฮเลน: ทุกที่แหละน้า มันมีความไม่เหมือนกันเลย

บอส: อย่างที่เกียวโต มันเล็กมาก มีแค่ 40 ที่ แต่ทุกคนตั้งใจกันดูมาก

เฮเลน: แล้วเราเครียดมาก กล่องเสียงอักเสบวันแรก เดินทางไป 10 วัน เพิ่งหายวันที่ 8 อะ เป็นอย่างงี้เลย คือคอที่หายสนิทคืองานสุดท้ายที่ Last Dinosaurs มาดูนั่นแหละ เราแบบ มายก้อด ได้ไงวะนี่ ก็ยัดยาที่ญี่ปุ่นมาเรื่อย ๆ ยากิน ยาฉีด บ้วนคอ หมดค่ายาไปเยอะมาก เรานอนกับพาริม พาริมก็ทำชาร้อนให้เราทุกวันเลย ตื่นมาเขาก็จะวอร์มเสียงเราก่อน เฮเลนลองร้องโน้ตนี้ดิ๊ ร้องไม่ได้ก็ไม่ต้องร้อง (หัวเราะ) ด้วยความที่พาริมเป็นคนร้องคอรัสอยู่แล้ว เราก็จะบอกเขาว่า ไม่ต้องร้องคอรัสก็ได้นะ ร้องเป็นไลน์ปกติเหมือนเราไปเลยเพราะเราต้องการซัพพอร์ต เราไม่เคยเป็นมาก่อนเลยทั้งชีวิตแล้วมันเป็นการร้องที่มีแต่ลมออกมา พอถึงโน้ตนึงเนื้อเสียงมันหายไป ไม่มีเสียงออกมาเลย แค่พูดบทสนทนาธรรมดาคือต้องเบ่ง เหนื่อยอะ เหนื่อยมาก เศร้ากว่านั้นคือดื่มไม่ได้ ไปถึงญี่ปุ่นแต่อดดื่ม!

อีเวนต์ต่อไปที่ฟุกุโอกะ

นนท์: เหมือนงานนี้เราไม่ได้ไปทัวร์ เราไปทำเพลงกับเขาและมีงานเล่นแบบเล็ก ๆ

บอส: มันจะมีเวิร์กช็อปแต่งเพลงกับวงชื่อว่า Deep Sea Diving Club ทำงานเพลงคอลแล็บกัน จะมีเพลง KIKI ที่จะมี Deep Sea Diving Club มา featuring แล้วก็มีเพลงของ Deep Sea Diving Club ที่ KIKI ไปร่วมด้วย ตอนนี้ทำเพลงส่งกันมาพักนึงละ โยนไป ๆ กลับ ๆ มีจินซัง (Gin Sentaro) เป็นล่าม กับพี่ปูมช่วยดู แล้วเราก็จะไปเขียนเนื้อด้วยกันที่ฟุกุโอกะวันนึง แล้วก็เปิดให้คนภายนอกมาดูได้ด้วย เราก็ไม่รู้เหมือนกันจะเป็นยังไง เพราะเวลาเราทำเพลงก็ทำเพลงกันเอง (นนท์: ทำเพลงกับคนอื่นก็ยังไม่เคย) แล้วก็ไม่เคยทำเพลงกับคนต่างชาติ แล้วยังจะมีคนอื่นมาดูด้วย (หัวเราะ) แปลกดี ส่วนอีกวันจะเป็นสรุปผลที่เราทำ แล้วมีมินิคอนเสิร์ตในร้านกาแฟ พื้นที่ไม่เยอะก็จะเป็นเซ็ตเล็ก ไปกันสามคน เชิง ๆ แบบ KIKI เซ็ตมินิ

เฮเลน: กีตาร์ 2 คีย์บอร์ด 1 ร้อง 1 มาแบบมินิมัลที่สุดแล้ว บอกพี่ปูมแล้วว่าถ้ามีงานอื่นในอนาคตแบบนี้อีก ไม่รับแล้วจริง ๆ

บอส: ที่หวังว่าจะได้ก็คงเป็นประสบการณ์ใหม่ ๆ จากการทำเพลงกับคนอื่น น่าจะหาจุดตรงกลางที่จะแต่งเพลงร่วมกันทำอะไรสนุก ๆ ได้ลองอะไรใหม่ ๆ น่าจะได้แรงบันดาลใจอะไรใหม่ ๆ กลับมาด้วย แต่ได้เพลงแน่นอน (หัวเราะ)

เคยมีคนถาม KIKI ว่า เป็นวงหน้าใหม่แต่ทำไมถึงได้รับโอกาสดี ๆ เยอะจังเลย

เฮเลน: เรารู้สึกว่า hard work pays off เลยไม่ได้ติดใจอะไรที่บางคนจะมองว่า ทำไม KIKI ได้มาอยู่ตรงนี้ เรามองว่ามันเป็นโอกาสด้วย หรือถ้าวันนึงเราไม่ได้เราก็จะไม่งอแงแบบนั้น บางคนมองว่า KIKI ก้าวกระโดดมาจาก underground ได้เพราะมีสื่อช่วย หรือเพราะมีคนอยู่ในวงที่มีชื่อในวงการอยู่แล้วหรอถึงมาได้จุดนี้ คิดว่าถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ เราคงดังกว่านี้มากแล้ว

บอส: เราเป็นวงเพิ่งเริ่มใหม่ อยู่ในเฟสการโตอยู่เลย

เฮเลน: เรารู้สึกว่าพื้นที่โอกาสทางสื่อควรจะเข้าถึงได้ทุกคน เราไม่อยากมองว่ามันเป็นสิทธิพิเศษเลย รู้สึกว่าวงที่เล็กกว่านี้ที่เพิ่งเกิดแล้วทำเพลงดีก็มีเยอะ เอาจริง เพลงดีไม่ดี มัน subjective มาก เราไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินเอง มันอยู่ที่คนฟัง แค่เราแฮปปี้กับผลงานที่เราทำ คนอื่นจะชอบไม่ชอบก็เป็นดุลยพินิจของเขา แล้วเราก็ขอบคุณที่ทั้งชอบและไม่ชอบด้วย เพราะว่า ถ้าชอบ ก็จะทำออกมาเรื่อย ๆ ถ้าไม่ชอบ ก็จะทำออกมาอยู่ดี (หัวเราะ) มันแค่เป็นความรู้สึกแปลกเฉย ๆ ตอนนั้นว่าเคยมีคนมาพูดกับเรา มันแปลกหรอที่เราได้รับโอกาสนี้ เหมือนเราไม่ได้คู่ควรที่จะได้โอกาสตรงนี้ แต่เราก็อยากบอกว่า การที่กูได้พื้นที่เนี่ยกูก็ไม่ได้เลือกตัวเองให้ไปอยู่ได้มั้ยเล่าาาา มันคือคนอื่น editor หรือคนฟังทั้งนั้น ซึ่งเราแฮปปี้ที่เขาเลือกให้เราไปอยู่ในพื้นที่ต่าง ๆ พวกนั้น มันก็จะมีคนที่ดีใจไปกับเรา แต่ก็จะมีแหละคนที่ตั้งคำถามสิ่งที่เราทำหรือจุดที่เราได้ไปอยู่ เรามองว่า เราอยู่ในวงการแบบนี้เราควรจะซัพพอร์ตกันมากกว่ามานั่งบี้กัน ตั้งแง่กันว่าทำไมมึงได้ กูไม่ได้ ทำไมคนใหม่กว่า ดังกว่า ไลก์เยอะกว่า เรารู้สึกว่ามันเป็นวิถีที่แย่ เราแค่รู้สึกว่ามันยังมีสิ่งนี้เกิดขึ้นอยู่ทุกสังคมไม่ใช่แค่สังคมไทย

เราปฏิเสธไม่ได้ว่าในโลกทุนนิยมคนพวกนี้มองเราเป็นมูลค่าทางการตลาดอยู่แล้ว ยิ่งอะไรพวกนี้เข้ามา engagement เยอะ ๆ ก็ยิ่งเอาสปอตไลต์ไปส่องเขาทั้งที่เขาแค่อยู่เฉย ๆ ไม่ต้องทำอะไรก็มีคนวิ่งเข้าหาอยู่แล้ว สื่อควรจะให้โอกาสทุก ๆ คน ไม่ใช่แค่ยอดรีช ยอดวิว หรือแค่ไลก์ มันมีอะไรมากกว่านั้น สิ่งนี้มันคือจิตวิญญาณของคนทำ เราอยากให้เปิดใจกับคนที่พยายามมานานมาก ๆ แล้วก็ยังโตมาไม่ได้เพราะคนไม่ได้ให้โอกาส และไม่ได้อยากให้ด้วยซ้ำ มันคือสิ่งที่เราเคยมองในฐานะคนนอก จนตัวเองมาอยู่ในจุดนี้เอง แล้วรู้สึกว่ามันมีความไม่ยุติธรรมค่อนข้างเยอะเหมือนกัน อันนี้ไม่ได้งอแงในพาร์ตวงเรา แต่พูดถึงหลาย ๆ คนที่วงนี้ทำเพลงดีมากเลย แต่ไม่เคยมีใครพูดถึงเลย ไม่เคยมีคอนเทนต์เขียนถึงเลย ขอไม่พูดชื่อวงแต่เคยคุยกัน เขาบอกว่าเคยส่งสื่อนะ สื่ออ่านแต่ไม่ตอบ แล้วเขาก็คิดว่า สงสัยเขาทำเพลงไม่ดีมั้ง เราก็บอกว่า โอเค จะดีไม่ดีมันก็อาจจะต้องถูกหู editor ด้วยรึเปล่า แต่เรารู้สึกแล้วว่าหนึ่ง คุณก็ไม่ได้ให้โอกาสเขาผ่านตัวคุณไปเพื่อไปถึงหูของคนอื่น ๆ เลยด้วยซ้ำ มันคือการตัดไฟตั้งแต่ต้นลมเลย แล้วบางทีคนแบบนั้นไม่มีกำลังเงิน อาจจะไม่ได้มีคอนเน็กชัน ไม่มีอิทธิพลในวงการขนาดนั้น มันยิ่งดูยาก เราไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องยาก

บอส: สุดท้ายทุกคนทำเพลงออกมาได้ ก็ให้มันรันไป ชอบมันก็ขึ้นอยู่กับผู้ฟังเท่านั้นเอง แต่หลัง ๆ มาก็มีวงเล็ก ๆ ที่เป็นที่สนใจเกิดขึ้นมาเยอะ มีสื่อที่ให้พื้นที่อะไรมากขึ้น ช่วยกันสนับสนุน อย่ามาขัดขา ทุกคนมีศักยภาพ หลายวงมาก ๆ ตอนนี้วงการสนุกขึ้นมาก แล้วคิดว่ายิ่งถ้าช่วยกันยิ่งจะไปได้ดีขึ้น พร้อมที่จะไปบุกตลาดโลกกัน

เฮเลน: เมื่อกี้เราพูดในแง่ที่ผ่านมา จากประสบการณ์ส่วนตัวที่ตั้งแต่เริ่มทำเพลงขึ้นมา การทำเพลงแล้วได้ออกไปเล่น ออกไปเจอผู้คน บางคนเขาทำเงินไม่ได้เขายังยอมเลยอะ ควักเนื้อตัวเองเพื่อไปเล่นงานฟรี ซึ่งอะไรพวกนี้ควรเลิกไปได้แล้วด้วย บางคนมองว่าสิ่งพวกนี้เอาไว้เลี้ยงชีพตัวเอง อย่าทำอย่างนี้กับวงเล็ก ๆ ได้ไหม อะไรพวกนี้แหละที่ตัดกำลังใจ ตัดความฝันของคนที่ตั้งใจทำผลงาน ความตั้งใจของคนเรามันตัดสินไม่ได้หรอก บางคนตั้งใจแทบตายเราแค่ไม่ชอบเพลงเขา แต่ไปบอกเขาว่ามันเป็นเพลงไมดี อันนี้คือมุมมองที่เรามีกับวงการ ณ ตอนนั้น

ตอนนี้มันเปลี่ยนไป เราก้แฮปปี้ที่ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงนี้ เพราะเราก็ถือว่าเป็นวงที่เล็กมาก ๆ อยู่ ไม่อยากให้ใครมามองว่าเราใหญ่แล้วแค่เพราะเราได้ไปเหยียบต่างแดน ไม่ใช่เลย ตอนนี้โลกมันเปิดกว้างนะ เราเห็นวงไทยไปต่างประเทศเยอะมาก ไปเล่น Music Lane Okinawa มันเป็นเวลาที่ของดีในไทยได้ออกไปข้างนอกแล้ว แต่จะไปถึงจุดนั้นได้ทุกคนต้องช่วยกัน ถ้ามัวขัดขากันเองก็ตายกันอยู่ในประเทศเนี่ยแหละ (หัวเราะ) พอจะทำอะไรยิ่งใหญ่แล้วไปด้วยกัน เราอยากเป็นอะไรแบบนั้นมากกว่า เราพูดได้เพราะว่ามีคนซัพพอร์ตเราแบบนั้นจริง ๆ เราถึงได้มีโอกาสนี้ แล้วมันเป็นอะไรที่เติมไฟให้เรามากนะ เป็นไฟที่แปลกมาก ๆ ด้วย เพราะทุกวันนี้ยังไม่มองว่าตัวเองเป็นศิลปินเลย อย่างพี่บอสพี่นนท์เขาเป็นนักดนตรีมา 1/3 ของชีวิตเขา บางคนครึ่งชีวิตเลย ส่วนเรายังเพิ่งเริ่ม เป็นอะไรที่ยังใหม่สำหรับเรา ยังประมวลความรู้สึกไม่ค่อยถูกเท่าไหร่ แต่เป็นความรู้สึกแปลกที่ดีมาก ๆ ถึงได้ทำเพลงออกมาอยู่เรื่อย ๆ

นนท์: เราก็คงตั้งใจทำอัลบั้มต่อไปแหละ ปล่อยเพลงเรื่อย ๆ เจอกันทั้งปีเลย

ฝากถึงแฟนเพลง KIKI หน่อย

เฮเลน: มันไม่มีอะไรที่เราจะพูดได้มากกว่าการขอบคุณ เพราะว่าเราทำเพลงไปก็เท่านั้นถ้าไม่มีคนฟัง

บอส: สุดท้ายแล้วคนที่มีผลต่อ KIKI ก็คือคนฟัง คนซัพพอร์ต คนที่มาสนุกกับเราคอนเสิร์ต อยากให้มาฟัง มาดู

เฮเลน: อยากให้เขาซัพพอร์ตแบบนี้ต่อไป เราก็ได้แต่หวังว่า เราจะเก่งขึ้นกว่านี้ (บอส: และตั้งใจทำงานออกมาให้ดี) ก็ตั้งใจอยู่แล้วทุกวันแต่จะตั้งใจกว่าเดิม มากขึ้นเรื่อย ๆ อย่าเพิ่งเปลี่ยนใจหรือเบื่อกัน… ไม่เคยเจอไรแบบนี้อะ แง จะร้อง แต่เร็ว ๆ นี้อาจจะมีข่าวดี

บอส: มีเรื่อย ๆ พยายามทำทั้งเพลง ทั้งงานโชว์สดให้ดีขึ้น อยากให้คนมาดูโชว์เพราะเราขี้เบื่อ เล่นไปสามครั้งก็เปลี่ยนโชว์แล้ว อยากให้มาดูกัน ไม่งั้นจะอดดูโชว์เก่า ๆ นะ เพลง EP ไม่ค่อยเหลือแล้ว

ติดตามความเคลื่อนไหวของ KIKI ได้ ที่นี่ https://www.facebook.com/yesitskiki

KIKI

เติบโตอย่างสดใสกับอัลบั้มใหม่ ‘PSSST!’ จาก Daynim

ร่วมเดินทางเข้าสู่สถานที่ที่ถูกลืมของ JPBS ในโปรเจกต์ ‘Waiting Room’

Related Articles

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More

Privacy & Cookies Policy